การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่าตลอดทั้งปี 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทะลุเป้าหมาย 25 ล้านคน ไปถึง 28,042,131 คน โดย 3 ลำดับแรกเป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน และเกาหลีใต้ สร้างรายได้กว่า 1.2 ล้านล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1.6 ล้านล้านบาท
เนื่องจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จำนวนเที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาเท่าเดิม และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดการณ์ไว้
และในปี 2567 นี้ทาง ททท. วางเป้าหมายสูงขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องแตะ 35 ล้านคน และทำรายได้รวมการท่องเที่ยวเป็น 3.5 ล้านล้านบาท มากกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ไทยทำรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดที่ 3 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.3 ล้านล้านบาท และจากนักท่องเที่ยวไทย 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจัยหนุนและกลยุทธ์ของททท. ที่จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าและโกยเม็ดเงินเข้าประเทศจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามต่อได้ในบทความนี้
การท่องเที่ยวไทยเปิดปี 2567 มาอย่างสดใส จากรายงาน ในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 605,537 คน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามามากที่สุด
โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 จีน 81,854 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 64,053 คน อันดับ 3 รัสเซีย 51,467 คน อันดับ 4 เกาหลีใต้ 43,894 คน อันดับ 5 อินเดีย 30,203 คน และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้กับนักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย
นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทยในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด แม้ว่า ในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยจะสูงเป็นอันดับสองแต่ก็ยังไม่เทียบเท่าปี 2562 แต่จีนก็ยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่ไทยหมายตา ทำให้หลายฝ่ายพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเดินทางในไทยในจำนวนที่มากกว่าหรือเทียบเท่าปี 2562
โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศว่ารัฐบาลไทยและจีนอยู่ระหว่างร่วมกันดำเนินมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าไทย (Visa Exemption) แบบถาวรแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน นอกจากนี้ยังมีมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 60 ประเทศ และคาดว่าจะมีจำนวนประเทศที่ได้รับวีซ่าฟรีเพิ่มขึ้นอีกในปี 2567 ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างแน่นอน
นอกจากมาตรการฟรีวีซ่าที่ส่งอิมแพกต์ต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างมากแล้ว ยังมีกลยุทธ์ที่น่าสนใจที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ททท. วางเอาไว้ในปีนี้ รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ ที่จะทำให้ททท. บรรลุเป้าหมายในการต้อนรับนักท่องเที่ยว 35 ล้านคนในปี 2567 ดังนี้
นักท่องเที่ยวอินเดีย ความหวังของไทย
นอกจากนักท่องเที่ยวจีนถือว่าเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมากที่สุดของไทย เฉลี่ยแล้วใช้จ่ายอยู่ราว 6,400 บาทต่อวัน ถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักเป็นตลาดใหญ่ของไทย การขาดหายไปของนักท่องเที่ยวจีนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยและการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ เข้ามาทดแทน แม้จำนวนอาจจะยังไม่สามารถเทียบเคียงกับจีนได้ แต่ก็เป็นโอกาสที่น่าสนใจของไทย อย่างเช่น นักท่องเที่ยวอินเดีย
อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย
- มาเลเซีย 4,234,807 คน
- จีน 3,512,307 คน
- เกาหลีใต้ 1,649,757 คน
- อินเดีย 1,604,010 คน
- รัสเซีย 1,479,844 คน
- สปป.ลาว 1,107,813 คน
- เวียดนาม 1,031,550 คน
- สิงคโปร์ 952,414 คน
- สหรัฐฯ 905,753 คน
- ญี่ปุ่น 804,205 คน
เมื่อปี 2566 นักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาในประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ 4 อยู่ที่ 1,626,720 คน และเนื่องจากอินเดียมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ประชากรที่มีรายได้ปานกลางจะเติบโตเฉลี่ยถึง 7.4% ต่อปี กลุ่มวัยทำงานในประเทศอินเดียขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการมีประชากรเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ 1,428 ล้านคน สัดส่วนคนวัยทำงานซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น อินเดียจึงถือเป็นนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y อายุ 29-40 ปี ที่มีกำลังซื้อและการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว
และมีการคาดการณ์จาก ttb analytics ว่า นักท่องเที่ยวอินเดียเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้รวดเร็วและต่อเนื่องในอนาคต และอินเดียจะขึ้นเป็นตลาดท่องเที่ยวที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทยภายใน 5 ปี
นอกจากนี้ยังมีแผนจะกระตุ้นการเติบโตในตลาดศักยภาพอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา คาซัคสถาน รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และส่งเสริมการขยายตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ในซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศ CIS
Meaningful Travel
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยใช้ Meaningful Travel เป็นกลยุทธ์ของการท่องเที่ยวไทย เพื่อส่งมอบคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยวไทย ผ่าน Soft Power มาตั้งแต่ปี 2566 และยังคงใช้แผนนี้ต่อเนื่องจนถึงปี 2567
Meaningful Travel เป็นเทรนด์ของการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่สร้างแรงบันดาลใจ สร้างประสบการณ์ที่มีความหมายต่อชีวิต ไม่ใช่แค่เพียงเดินทางไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง อาจเป็นการเดินทางเพื่อเรียนรู้และค้นพบสิ่งใหม่ ๆ คอนเนกต์กับผู้คนหรือชุมชน รวมทั้งการใช้ช่วงเวลาสำคัญร่วมกันกับครอบครัวหรือเพื่อน และในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่และสำคัญนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ที่ประเทศไทย อย่างเช่น การที่คนอินเดียเดินทางเข้ามาจัดงานแต่งงานในประเทศไทย ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายอย่างมาก
ไทยตอบโจทย์ Meaningful Travel เพราะไทยเป็นประเทศที่มีทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ อาหาร ผู้คน และกิจกรรมมากมาย ให้ผู้คนได้ค้นพบและคอนเนกต์กับสิ่งเหล่านั้น ทำให้การเดินทางเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายในทุกช่วงเวลา
ส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวไทย
ในปีที่ผ่านมา ททท. ได้จัดงานต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีกิจกรรม Amazing Festive & Exclusive Trip in Thailand และยังมีแคมเปญ “Thais Always Care” ภายใต้แนวคิด “LAND OF CARE” ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งมาตรฐานความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ท่องเที่ยวเชิงบวก สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย
แม้ว่าภาพลักษณ์ของประเทศไทยในมุมมองของนักท่องเที่ยวจีนนั้นจะเปลี่ยนไป แต่ทาง ททท. ก็ได้เข้ามาส่งเสริมภาพลักษณ์ในเชิงบวก สร้างความมั่นใจ ในช่องทางต่าง ๆ ทั้งการเชิญสื่อมวลชนทำคอนเทนต์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในไทย และการไปโรดโชว์ที่จีนด้วยเช่นกัน
สรุปแล้วเมื่อเปิดปี 2567 มาสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยเป็นไปในทิศทางที่ดี จากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทย และฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวอีกหลายประเทศ เพื่อสนับสนุนการขยายตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากจีนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอย่าง มาเลเซีย เกาหลีใต้ รัสเซีย รวมถึงตลาดอินเดียที่เติบโตไวและเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อมากขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอินเดีย โดยเชื่อว่าฟรีวีซ่าจะช่วยดึงดูดและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทาง ททท. ได้วางกลยุทธ์การท่องเที่ยวเพื่อดึงนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และทำคอนเทนต์เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในไทย ผ่าน Soft Power ด้านต่าง ๆ และส่งเสริมเทรนด์ Meaningful Travel ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเชื่อมโยงกับสถานที่ ผู้คน จนเกิดความรู้สึกปีติ กลายเป็นโมโมนต์ที่ไม่อาจลืม ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย
จากการตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาไทยที่ 35 ล้านคน เมื่อเทียบจากปี 2566 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยว 28 ล้านคน เป้าที่เพิ่มขึ้นอีก 7-8 ล้านคนนั้น คาดว่าจะมาจากนักท่องเที่ยวจีน จากการประเมินของแอตต้าว่าปี 2567 น่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามา 5-6 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2566 เพราะฟรีวีซ่าและการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ทั้งนี้ยังต้องคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่เติบโตได้จำกัด ซึ่งอาจส่งผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีน
และอีกส่วนหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพกลุ่มอื่น เช่น อินเดีย รัสเซีย ซึ่งกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ของ ททท. มีโอกาสทำสำเร็จตามเป้าที่ตั้งไว้สูง เนื่องจากคาดว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในระดับน่าพอใจใกล้เคียงเป้าหมายที่ 35 ล้านคน หรือฟื้นตัวเกือบเทียบเท่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิดนั่นเอง
ที่มา : thaipbs, bbc, thaigov, krungsri, thairath, tatnewsthai, bangkokbiznews