SUT ต่อยอดความเป็นเลิศสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)

 

ในขณะที่โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันซึ่งมีผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม ความสำเร็จแบบเดิมไม่อาจทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีจึงได้ปรับกระบวนทัพครั้งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “SUT Re-Profile 2020”

ของ รองศาสตราจารย์ ดร. วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี ซึ่งได้ฝากผลงานการบริหารหน่วยงานระดับชาติมาแล้ว ในตำแหน่งปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดความเป็นเลิศ (Excellent) อยู่แล้ว ให้เป็น “มากกว่าเป็นเลิศ” (More than Excellent) พร้อมก้าวขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเฉพาะทางอันดับ 1 ของประเทศ และเป็น “มหาวิทยาลัยที่เป็นเลิศทางวิชาการ และเป็นที่พึ่งของชุมชนได้อย่างแท้จริง”

รองศาสตราจารย์ ดร. วีระพงษ์ แพสุวรรณ กล่าวว่า “พันธกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มีอยู่ด้วยกัน 5 ด้าน ได้แก่
หนึ่ง ด้านวิชาการ คือทำอย่างไรให้วิชาการของเราเข้มแข็ง เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนระดับสูงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เป็นแรงงานความรู้ มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และทักษะการดำรงชีวิต ตอบสนองความต้องการของการพัฒนาประเทศ

สอง ด้านการวิจัยและพัฒนา ทำอย่างไรให้งานวิจัยมีความเข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ ผลิตนักวิจัยและผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ วิจัยต่อยอดและสร้างนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น สังคม และภาคการผลิต รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ 10 อุตสาหกรรม

สาม ด้านการเป็นที่พึ่งของสังคม ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยการส่งเสริมการปรับแปลง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้แก่สังคม ให้บริการวิชาการที่เอื้อและตอบสนองความต้องการของชุมชน ท้องถิ่น และประเทศชาติ

สี่ ด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ หรืออีสานใต้ โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นแหล่งสะสมองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น

ห้า ด้านการบริหารจัดการ ที่เราจะทำให้มีความทันสมัย มีธรรมาภิบาล มีระบบแห่งคุณภาพ มีการตรวจสอบได้อย่างไร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสมดุล มุ่งสู่ความเป็นสากล

ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ (Academic Excellence), ยุทธศาสตร์การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย (Research University), ยุทธศาสตร์การสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Social & Commercial – STI Impact),ยุทธศาสตร์การสร้างความผูกพันกับวัฒนธรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (North-Eastern Culture Engagement) และยุทธศาสตร์การบริหารงานที่นำสมัย เป็นธรรม และการสร้างระบบนิเวศแห่งคุณภาพ (Smart Management, Good Governance and Quality Ecosystem)

 

ซึ่งประกอบด้วย 24 ประเด็นยุทธศาสตร์ 44 กลยุทธ์ โดยการนำยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ในแต่ละระดับไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งมีการกำหนดแผนงาน – โครงการจำนวน 147 แผนงาน – โครงการที่มีหัวข้อรายละเอียด แผนการดำเนินงาน และเป้าหมายตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างชัดเจนที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ และยุทธศาสตร์ในทุกระดับและเป็นกรอบในการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้จริง”

อธิการบดี มทส. กล่าวเสริมว่า “มหาวิทยาลัยจะต้องบริหารให้เป็น Profit Center ไม่ใช่ Cost Center ด้วยการบริหารที่มีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล เพื่อนำผลกำไรที่ได้มาพัฒนามหาวิทยาลัยให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และเป็นที่พึ่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่ท้องที่ สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน”

เมื่อบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ตามแนวคิด “SUT Re-Profile 2020” แล้ว จะทำให้ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีอันดับ 1 ของประเทศ และอยู่ใน 200 อันดับแรกของเอเชีย เป็น “วิสาหกิจเพื่อสังคม” (SUT as a Social Enterprise) และเป็นมหาวิทยาลัยที่สร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างแท้จริง”