ตลาดหุ้นไทย

“กระทิงไฟ” หุ้นไทยปี 61 ฝ่าคลื่นสู่ดัชนี 1900 จุด

ในปี 2560 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีที่ดัชนีหุ้นไทย ( SET Index) สร้างสถิติใหม่ได้อย่างสวยงาม ด้วยการปรับตัวสูงสุดในรอบ 24 ปี จากปัจจัยหลักมาจากตัวเลขเศรษฐกิจประเทศไทยที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ หนุนให้กระแสเงินทุนกลับเข้ามาในช่วงปลายปีอย่างคึกคัก ส่งผลให้ดัชนีทะลุขึ้นมาสู่ระดับ 1800 จุด

และหากวัดเป็นผลตอบแทนจากต้นปีจนถึงปลายปี ให้ผลตอบแทนกว่า 12% แม้จะต่ำกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 17-20% แต่ก็ถือว่าให้ผลตอบแทนที่งดงามได้อีกหนึ่งปี

ส่วนทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2561 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงให้น้ำหนักไปในทิศทางขาขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน แต่จะเป็นไปในลักษณะผันผวน เพราะมีหลายปัจจัยที่จะมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะปัจจัยจากต่างประเทศ

ทางด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่าตลาดหุ้นไทยในปี 2561 จะเป็นปีแห่ง “กระทิงไฟ” คือ ดัชนีจะปรับขึ้นแบบผันผวน โดยมองดัชนีเป้าหมายปลายปีอยู่ที่ 1,900 จุด จะเป็นการสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่อีกหนึ่งปี

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีอาจจะต้องเผชิญกับความผันผวน และการปรับฐานครั้งใหญ่ โดยแนวรับของการปรับฐานนั้น ทางทิสโก มองว่าจะอยู่ที่ 1,760 จุด และ 1,720 จุด ซึ่งเป็นการปรับฐานตามการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ( DOWJONES) และ ราคาน้ำมันในตลาดโลก

ขณะเดียวกัน ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย อาทิ การปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ การอัดฉีดสภาพคล่องจากธนาคารกลางที่ลดลง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น กดดันให้ผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก และส่งผลต่อเนื่องไปกดดันระดับมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นให้ปรับฐานลงมาได้

แต่อย่างไรก็ตาม วิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ ยังย้ำว่า ตลาดหุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ เพราะสภาพคล่องในตลาดยังดีและดอกเบี้ยยังต่ำ อีกทั้งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยน้อยกว่าตลาด (Under Weight) โดยขายหุ้นไทยสุทธิกว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่ากระแสเงิน (Fund Flow) เหล่านี้จะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวก 2 กรณีคือ กรณีแรกการประกาศพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษตะวันออก (พ.ร.บ.EEC) ภายในไตรมาส 1/2561 และ กรณีที่สองการประกาศวันเลือกตั้งซึ่งน่าจะเป็นไตรมาส 4 ของปีนี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2561 บล.ทิสโก แนะนำว่า นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น เพราะตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน ดังนั้น หากจะลงทุนในปีนี้ แนะว่าให้ เริ่มทยอยซื้อหุ้นสะสมที่แนวรับ 1,760 & 1,720 จุด และถือระยะยาว เพื่อรอเป้าหมายปลายปีนี้ที่ 1,900 จุด โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ คือ กลุ่มพลังงานทางเลือก กลุ่มการบริโภคภายในประเทศ และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลบวกจากพ.ร.บ.EEC ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้

องค์ประกอบ

ปัจจัยบวกตลาดหุ้นไทย

  • การประกาศใช้พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษตะวันออก (พ.ร.บ.EEC)
  • การประกาศวันเลือกตั้งซึ่งน่าจะเป็นไตรมาส 4 ของปีนี้

ปัจจัยกระทบต่อตลาดหุ้นไทย

  • ผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
  • การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

หุ้นรายกลุ่มที่น่าสนใจลงทุน

  • กลุ่มพลังงานทางเลือก
  • กลุ่มการบริโภคภายในประเทศ
  • กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม