นักออกแบบ ปัจจัยหลักที่สตาร์ทอัพ(Startups) ต้องมี

Startups
ไคลี่ อึ้ง ผู้ร่วมก่อตั้ง 500 Startups

ปัจจัยสำคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startups )คือ สภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการสร้างเครือข่ายความรู้และการออกแบบโมเดลธุรกิจที่เข้าใจตลาดและบริบทของประเทศต่างๆ ปัจจุบันสตาร์ทอัพในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จระดับนานาชาติได้โดยง่าย เนื่องจากยังไม่ได้มีการออกแบบโมเดลธุรกิจที่ประยุกต์ใช้เพื่อกระจายเข้าสู่ต่างประเทศ

ด้าน ไคลี่ อึ้ง ผู้ร่วมก่อตั้ง 500 Startups เปิดเผยในงานงานชุมนุมทางความคิดประจำปี หรือ Creativities Unfold ครั้งที่ 10 (CU2016) ภายใต้แนวคิด “EXIT: สู่ความจริงรูปแบบใหม่”ในหัวข้อ “สตาร์ทอัพ” ว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่แตกต่างหรือด้อยกว่าสตาร์ทอัพระดับโลกที่ตั้งอยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ โดยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์นั้นมาจากนักพัฒนาประเทศอื่นที่ไม่ใช่นักพัฒนาชาวสหรัฐอเมริกา เพียงแต่มาเริ่มธุรกิจที่ซิลิคอนวัลเลย์เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเล่ย์ไม่ได้มีความสามารถมากกว่าหรือทำงานหนักกว่าสตาร์ทอัพอื่นๆทั่วโลก เพียงแต่ซิลิคอนวัลเลย์เป็นจุดรวมตัวของผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจในสตาร์ทอัพ ทำให้สามารถมองหาความช่วยเหลือ ช่องทางการสนับสนุน เครือข่ายเน็ทเวิร์คกิ้ง พาร์ทเนอร์ และการลงทุนได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีบริบทที่เกื้อหนุนให้เกิดความคิดที่มีศักยภาพ

“ ในปัจจุบันมักมีความเข้าใจว่า ผู้พัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพต้องเป็น วิศวกร แต่แท้จริงแล้วหนึ่งในปัจจัยสำคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพ คือ นักออกแบบ หรือดีไซน์เนอร์ อันเห็นได้จากหลากหลายตัวอย่างความสำเร็จ อาทิ พินเทอเรส(Pinterest) ฟลิกเกอร์ (Flickr) ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่มีการออกแบบเป็นหัวใจหลัก และเป็นข้อยืนยันว่า นักออกแบบสามารถเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจได้ด้วยตัวเอง เพราะการออกแบบธุรกิจไม่ได้แตกต่างกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นการออกแบบที่ให้คนภายนอกหรือผู้บริโภคประทับใจ แต่การออกแบบธุรกิจ ต้องออกแบบทั้งภายนอกและภายใน คือ เพิ่มเติมในส่วนงานออกแบบให้คนทำงานภายในมีประสบการณ์ที่ดีด้วย

ไคลี่ อึ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่จะทำให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จระดับนานาชาติต้องเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบธุรกิจในระยะแรก เพราะปัจจัยสำคัญที่เป็นสิ่งอำนวยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพประสบความสำเร็จนานาชาตินั้น คือ ความเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก (Global Platform) โดยธุรกิจต้องได้รับการออกแบบให้สามารถประยุกต์ใช้เข้ากับบริบทของประเทศต่างๆได้ตั้งแต่แรกเริ่ม โดยตัวอย่างประเภทธุรกิจที่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก ได้แก่ ธุรกิจบริการซอฟท์แวร์ (SAS – Software as a service) และธุรกิจที่ผสมผสานการใช้ Lead Generation เพื่อให้ได้มาซึ่งรายชื่อของผู้ติดต่อทางธุรกิจ และนำไปสู่การขาย ผ่านการเชื่อมต่อกับสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ ปัจจุบันสตาร์ทอัพในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จระดับนานาชาติได้โดยง่าย เนื่องจากการออกแบบโมเดลธุรกิจ (Business model) ไม่เอื้ออำนวยกับการประยุกต์ใช้เพื่อกระจายเข้าสู่ประเทศอื่นโดยง่าย หากต้องการขยายให้ประสบความสำเร็จระดับโลก ต้องทำการปรับตัวธุรกิจใหม่ทั้งหมด โดยหากสตาร์ทอัพสามารถออกแบบโมเดลธุรกิจให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มตลาดในวงกว้างได้ ก็จะทำให้สตาร์ทอัพไทยเป็นดังสตาร์ทอัพชื่อดังของโลก มร.ไคลี่ อึ้ง กล่าวต่อ

ทางด้านสถานการณ์สตาร์ทอัพในประเทศไทย ปัจจุบันธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถเริ่มต้นได้ง่าย เพราะมีความเพรียบพร้อมทางด้านองค์ความรู้ เงินทุน และโอกาสมากขึ้น อย่างไรก็ตามการที่เริ่มต้นสตาร์ทอัพง่ายก็ทำให้เกิดอุปสรรคขึ้นมาในขณะเดียวกันกัน คือ มีสิ่งรบกวน (Noise) ที่อาจทำให้เกิดความลังเลในการโฟกัสธุรกิจ อาทิ การเห็นไอเดียของผู้อื่นอาจทำให้เกิดความลังเลในการพัฒนาธุรกิจตนเอง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่หลากหลายสตาร์ทอัพกำลังประสบปัญหาอยู่ โดยวิธีแก้ที่ถูกต้องคือ ให้เริ่มต้นด้วยการคิดค้นเพียงหนึ่งไอเดียที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคหนึ่งคนและทำการปิดการขายให้สำเร็จ จากนั้น จึงเริ่มหาพาร์ทเนอร์เพื่อขยายการขายไปยังเป้าหมายอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถโฟกัสธุรกิจ ได้อย่างเต็มที่โดยไม่เฉไฉไปในทิศทางอื่น ไคลี่ อึ้งกล่าวสรุป