กลุ่มสเปเชียลตี้ เปิดเบื้องหลังความสำเร็จผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยภายใต้แบรนด์ลูกค้ากว่า 2,000 รายการ ด้วยการพัฒนางานวิจัย สั่งสมประสบการณ์ทางวิชาการและองค์ความรู้ ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี จับมือสถาบันวิจัยระดับประเทศหวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้มีคุณภาพพร้อมสร้างความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจและสังคม
ดร.กฤษฎา กิตติโกวิทธนา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา กลุ่มบริษัทสเปเชียลตี้ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท เติบโตด้วยประสบการณ์การทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาสมุนไพรกว่า 20 ปี พร้อมเบื้องหลังความสำเร็จของการพัฒนาสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยกว่า 2,000 รายการ กวาดรางวัลคุณภาพมาแล้วมากมาย ในหลากหลายหมวดหมู่ นำงานวิจัยพื้นฐานที่มีอยู่มากมายมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ เป็นการทำงานอย่างหนักเพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้านวัตกรรมส่งมอบสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้บริโภคควบคู่กับการคำนึงถึงความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนมีแผนการดำเนินงานที่จะพัฒนาในด้านงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง”
ปัญหาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือประเทศเรามีการสนับสนุนการทำงานวิจัยจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับสมุนไพรไทย โดยงานวิจัยส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยพื้นฐาน (Basic Research) ที่เสาะแสวงหาความรู้ใหม่เพื่อสร้างเป็นทฤษฎี หรือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ต่าง ๆ ให้กว้างขวางสมบูรณ์ยิ่งขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงประโยชน์ในการนำไปใช้หรือไม่ได้วิจัยเพื่อจุดประสงค์ในการแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ทำให้งานวิจัยเหล่านี้ไม่ได้รับความสนใจให้นำมาใช้
สิ่งที่กลุ่มบริษัทสเปเชียลตี้ ทำมาโดยตลอดคือ การพัฒนางานวิจัยและต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับสมุนไพรไทย ผ่านการร่วมมือกับสถาบันวิจัยต่างๆ อาทิ สวทช. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยบูรพา มีการทำการวิจัยเชิงประยุกต์ (Applied research) ที่มุ่งเสาะแสวงหาองค์ความรู้ และประยุกต์ใช้ความรู้หรือวิทยาการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติ เพื่อตั้งเป้าหมายการวิจัยเพื่อตอบสนองปัญหาสุขภาพ ความงาม คุณภาพชีวิตและการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน กำหนดทิศทางการวิจัยและพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจร เพื่อสร้างการยอมรับ สามารถนำองค์ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยไปใช้ประโยชน์ให้ได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ประเภทงานวิจัยที่เรามีการทำอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- การพัฒนางานวิจัยทางกายภาพ การเข้าใจถึงโครงสร้างพื้นฐานของสารประกอบทางเคมีในธรรมชาติ เพื่อนำมาใช้ให้ผลิตภัณฑ์สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณภาพและความปลอดภัย (Dosage form)
- การพัฒนางานวิจัยเกี่ยวกับการเสริมประสิทธิภาพของสารสกัด ทั้งการนำมาใช้ร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในสูตรตำรับสูงสุด (Synergistic effects) การพัฒนาระบบการนำส่งสารเพื่อให้การใช้ผลิตภัณฑ์เกิดประโยชน์ และตรงเป้าหมายมากที่สุด (Delivery system)
- การวิจัยและพัฒนาให้สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมได้ (Industrial scale)
- การพัฒนางานวิจัยทางคลินิค (Clinical Trial) การทดสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในมนุษย์ ตามสรรพคุณต่างๆ ที่กำหนด เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสมุนไพรที่มาทดลองกับอาสาสมัครดูคุณสมบัติด้านการต่อต้านริ้วรอย
นอกจากการจับมือกับหลายภาคส่วนแล้ว ภายในกลุ่มบริษัทสเปเชียลตี้ ยังมีการวางรากฐานองค์กรสำหรับสายงานวิจัยและพัฒนา(R&D) ให้บุคคลากรสามารถ มีทักษะในกระบวนการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ การเข้าถึงองค์ความรู้และคลังงานวิจัย การกระตุ้นอุปนิสัยที่เป็นผลดีต่อสายงาน เช่น การคิดวิเคราะห์ การช่างสังเกต การรักการเรียนรู้ศึกษาหาองค์ความรู้ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และมุ่งพัฒนาบุคคลากรในส่วนงานวิจัยและพัฒนาให้สามารถเข้าใจความต้องการผู้บริโภคโดยเน้นพัฒนาสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากปัญหา (pain point) ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ หลายครั้งทางด้านผู้ผลิตมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องจากการต่อยอดองค์ความรู้หรือการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ แต่ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือความต้องการของผู้บริโภค ทำให้มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแต่ไม่สามารถเติบโตตลาดในตลาดได้ เนื่องจากไม่มีความต้องการที่แท้จริงในตลาด ซึ่งการพัฒนาให้บุคคลากรในสายงานวิจัยและพัฒนา มีทักษะทางด้านการตลาดจะสามารถช่วยลดปัญหาส่วนนี้ได้ และสามารถพัฒนาวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาด ซึ่งจะต่อยอดเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ที่มีคุณภาพ”
“ประสบการณ์ที่ยาวนานและหลากหลายในสายงานวิจัยและพัฒนาทำให้เราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยได้หลายร้อยล้านบาทต่อปี สร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อเนื่องให้กับเกษตรกรไทย แต่ยังมีสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางเศรฐกิจได้อีกมากมาย เรายังถือว่าอยู่ในจุดเริ่มต้นที่ยังสามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้อีกมากมายให้กับให้เศรษฐกิจและสังคมไทย ในสภาวะที่เกิดความยากลำบากในสังคม ทั้งการเกิดโรคระบาด เรื่องของสงครามความรุนแรง ทำให้สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีความถดถอย ประเทศไทยเราถือว่ามีความโชคดี ที่เรามีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลาย มีสมุนไพรที่จะนำมาต่อยอดใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาต่างประเทศ และเราพร้อมที่จะเดินหน้างานด้านวิจัยและพัฒนาในส่วนนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ ทั้งการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ อีกทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน” ดร.กฤษฎา ทิ้งท้าย