“เงินทุนคู่ความรู้” ส่วนผสมจาก SME D Bank สู่ความสำเร็จของ SMEs ไทย

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank มีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ทั้งในแง่ของการให้แหล่งเงินทุน และเสริมศักยภาพธุรกิจ และในปีที่ผ่านมา (2565) ธนาคารแห่งนี้ช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการให้ความสำคัญ 2 ด้านคือ เงินทุน และความรู้ นำมาซึ่งความสำเร็จคือการพาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้มากกว่า 68,800 ล้านบาท สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร ผลงานประจักษ์ดังกล่าว เหมาะสมที่จะได้รับรางวัลความเป็นเลิศประเภท SMART BUSINESS GROWTH AWARD

 

คุณนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สามารถเติมทุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมกว่า 160,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดประโยชน์สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 735,000 ล้านบาท

 

ความสำเร็จนี้เกิดจากการที่ SME D Bank ได้มุ่งมั่นในบทบาทความเป็น “ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย” ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ทั้งด้านการเงิน พาเข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่องธุรกิจ จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม อีกทั้ง ยกระดับบริหารจัดการ นำเทคโนโลยีมาเสริมการทำงาน ปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุมัติสินเชื่อสอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์จริง

 

ส่งผลให้ในปี 2565 สามารถสร้างสถิติใหม่สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมากว่า 21 ปี ในการช่วยเหลือพาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 68,800 ล้านบาท เกินกว่าเป้าถึง 2,800 ล้านทาง ผลักดันยอดสินเชื่อคงค้างขยายตัวอยู่ประมาณ 109,290 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 315,140 ล้านบาท รักษาการจ้างงานกว่า 226,450 ราย

 

นอกจากนี้ SME D Bank ยังให้การส่งเสริมด้าน “การพัฒนา” กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยโครงการ “SME D Coach” ด้วยการจัดกิจกรรมยกระดับ พัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อเนื่อง เช่น อบรม สัมมนา เพิ่มช่องทางขาย ขยายตลาดออนไลน์ จับคู่ธุรกิจ มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้าธนาคารเข้าร่วมและได้รับประโยชน์กว่า 21,860 ราย

 

อีกหนึ่งบทบาทที่สำคัญ คือ การดำเนินงานในฐานะพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ผ่าน “การร่วมลงทุน”  เคียงข้างและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพ ยกระดับสู่การเป็นมืออาชีพ เพิ่มโอกาสการแข่งขัน ปูทางระดมทุนในตลาดทุนไทย โดยปัจจุบันได้อนุมัติหลักการร่วมลงทุนแล้ว 82 บริษัท  และคาดว่าจะสามารถเข้าร่วมลงทุนให้เต็มวงเงิน 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2568

 

คุณนารถนารี กล่าวถึง แนวทางการทำงานในปี 2566 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะคว้าโอกาส ดังนั้น SME D Bank พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” มอบบริการต่าง ๆ ครบวงจร เช่น สินเชื่อวงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท ตอบทุกความต้องการ เช่น สินเชื่อ BCG Loan วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้นประมาณ 4.25% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี ปลอดชำระเงินต้น  24 เดือนแรก เพื่อยกระดับผู้ประกอบการ SMEs สู่ BCG Model หรือ สินเชื่อ SME D พร้อม วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 15 ปี ปลอดชำระเงินต้น  18 เดือนแรก ช่วยเสริมสภาพคล่อง ขยายกิจการ ปรับเปลี่ยนธุรกิจ รวมถึงรับรีไฟแนนซ์ ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ ควบคู่กับสานต่อโครงการ SME D Coach เสริมความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น

 

ขณะเดียวกัน SME D Bank เตรียมออกสินเชื่อใหม่เพิ่มเติม เพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อย เช่น สินเชื่อ SME Speed Up วงเงินโครงการ 5,000 ล้านบาท วงเงินต่อรายสูงสุด 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 12 ปี ปลอดชำระเงินต้น  6 เดือนแรก เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีทุกประเภทธุรกิจ มีเงินทุนไปลงทุน ขยาย ปรับปรุง รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน สินเชื่อ Micro OK วงเงินโครงการ 500 ล้านบาท วงเงินต่อรายสูงสุด 5 แสนบาท  ระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็กมีศักยภาพ แต่ขาดหลักประกัน สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้  สามารถใช้ บสย. ค้ำประกันได้ 100% เป็นต้น

 

“ปีนี้เราได้ยกระดับบริการครบวงจร ผ่านระบบดิจิทัล เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการด้านเงินทุนและการพัฒนาของธนาคารได้ง่าย รวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา และปลอดภัย ด้วยการเปิดให้บริการระบบของ SME D Bank ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่มีบริการครบครัน เช่น เรียกดูรายการชำระสินเชื่อย้อนหลัง บริการชำระค่างวดสินเชื่อของลูกค้า ไปจนถึงบริการข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์สินเชื่อ และงานพัฒนาจาก SME D Bank ซึ่งบริการเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการความรู้คู่เงินทุน เสริมศักยภาพธุรกิจเดินหน้าได้ต่อเนื่อง” คุณนารถนารี กล่าว

 

นอกจากนี้ SME D Bank ยังได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนตามแนวทาง ESG ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) รับผิดชอบต่อสังคม (Social) และยึดหลักธรรมาภิบาล (Governance) อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้มีการพัฒนากระบวนการระดมทุนตามมาตรฐานสากล ตามแนวทาง ESG สนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยยกระดับสู่ BCG Model ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ BCG Loan โดยร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) จัดทำกรอบหลักเกณฑ์การระดมทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing Framework)  ซึ่งการระดมทุนดังกล่าว สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไทย ด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model (Bio-Circular-Green Economy)

 

จากการพัฒนากระบวนการดังกล่าว ส่งผลให้ SME D Bank เป็น “สถาบันการเงินแห่งแรกของไทย” ที่สามารถออก “ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ESG” เพื่อระดมทุนได้สำเร็จ นอกจากนี้ในอนาคต SME D Bank จะดำเนินการเปิดระดมเงินทุนเพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบพันธบัตร และผลิตภัณฑ์เงินฝาก ตามกรอบ ESG ต่อไป

 

ด้วยความมุ่งมั่นของ SME D Bank ที่พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถคว้าโอกาสจากกำลังซื้อและเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว และขับเคลื่อนธุรกิจก้าวสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS