ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์โรคระบาดได้ทำให้พฤติกรรมผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในนั้น คือ การใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการเลือกสรรข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การนำนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาประยุกต์ เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานสูงสุด ซึ่งทางภาคธุรกิจเองต่างก็พัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยน่าสนใจออกมาแข่งขันสู่ตลาดมากมาย
สำหรับการเข้าสู่ศักราชใหม่นี้หลาย ๆ บ้านก็คงกำลังมองหาอุปกรณ์ตัวช่วยต่าง ๆ ที่สามารถสร้างความสะดวกสบาย และตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวันได้ โดยตลาดของ Smart Home ทั้ง 6 ประเภท มีสินค้าที่น่าสนใจออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
1. Smart Appliances
อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ตัวช่วยที่สร้างความสะดวกสบายให้ชีวิตมากขึ้น
ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่น่าสนใจ อย่าง Roborock ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดูดฝุ่น หุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น เครื่องล้างพื้นสัญชาติจีน ที่ขยายตลาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว สู่การผู้นำตลาดของอาเซียน มีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และความได้รับนิยมเป็นอย่างมากในตลาดประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้นอัจฉริยะ Roborock S7 มีประสิทธิภาพการถูพื้นดีขึ้น 4 เท่าตัว* (เปรียบเทียบกับ Roborock รุ่น S5) หมุนรอบได้ 360 องศา สามารถตั้งค่าพื้นที่ห้ามถู (No-Mop Zone Function) พร้อมความสามารถให้การกวาด ดูดฝุ่น และถูพื้นได้ในคราวเดียว และสามารถควบคุมระบบการหยดไหลของน้ำได้อย่างแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยีระบบปั๊มน้ำไฟฟ้า SnapMop™ Electric Water Pump ในราคา 22,900 บาท
2.Control and Connectivity
ผู้ช่วยส่วนตัว ที่สามารถจัดการตามคำสั่งต่าง ๆ ตามใจผู้ใช้งาน โดยผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง Amazon Alexa สามารถสั่งการด้วยคำสั่งเสียง ทั้งคำสั่งเพื่อเปิดการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ภายในบ้าน ตอบคำถามต่าง ๆ เสมือนกูเกิลพูดได้ รวมทั้งเป็นอุปกรณ์ลำโพงบรรเลงเพลงได้อีกด้วย โดย Amazon Alexa Echo Studio ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ติดหนึ่งใน Editor’s Choice มีคะแนนในระดับยอดเยี่ยมจาก PCMag หรือนิตยสารด้านไอทีระดับโลก โดยราคาอยู่ที่ 199.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6,706 บาทเท่านั้น
3. Security
ตัวช่วยดูแลความปลอดภัยภายในบ้าน คือหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่หลายบ้านไม่ควรมองข้าม ซึ่งในตลาดมีแบรนด์ที่สินค้าและเทคโนโลยีน่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ Vivint ผู้ได้รับรางวัล Best Home Security Systems of 2021 หรือที่สุดของระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านแห่งปี 2021 ด้วยระบบดูแลความปลอดภัยภายในบ้านแบบครบวงจร ควบคุมด้วยแอปพลิเคชัน
ทั้งนี้ยังมีสินค้าอื่น ๆ ภายใต้แบรนด์เดียวกันที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิดนอกบ้าน Vivint Outdoor Camera Pro มีเทคโนโลยี Smart Sentry™ เซนเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับสิ่งผิดปกติเพื่อปกป้องการเกิดอาชญากรรมได้ หรือ Kwikset Smart Locks ระบบล็อกประตูอัจฉริยะที่สามารถปลดล็อกได้ผ่านมือถือ และมีเซนเซอร์ที่สามารถปิดการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ เมื่อพบว่าไม่ได้มีใครอยู่บ้าน
โดยราคา Vivint Outdoor Camera Pro อยู่ที่ 299 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10,023 บาท
และราคา 179.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,034 บาท สำหรับ Kwikset Smart Locks
4.Home Entertainment & Media Management
อุปกรณ์ความบันเทิงภายในบ้าน ซึ่งปีที่ผ่านมาเป็นปีที่หลายธุรกิจได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ที่ทุกบ้านต้องมี
ปัจจุบันโทรทัศน์มีเทคโนโลยีก้าวล้ำมากไปกว่าการรับสัญญาณจากดาวเทียม สู่รูปแบบสมาร์ททีวีที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจของวงการโทรทัศน์ คือ นวัตกรรม OLED TV จาก LG สมาร์ททีวีที่ชูจุดเด่นด้านภาพสวย สีชัด พร้อม Dynamic Range ที่สามารถปรับความสว่างและเกรดสี เพื่ออรรถรสในการรับชม
มากไปกว่านั้นยังได้รับการการันตีโดย Intertek หรือหน่วยงานทดสอบระดับโลก ที่ได้ให้การรับรองแล้วว่า จอแสดงผล OLED ของ LG มีความเที่ยงตรงของสี 100% รวมถึงได้รับรางวัล Product Of The Year 2021 ประเภทผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จากนิตยสาร Business+ โดย Smart Self-Lit OLED TV ทีวี ขนาด 55 นิ้ว เริ่มต้นที่ 45,000 บาท
5.Comfortable and lighting
ตัวช่วยที่สร้างความรู้สึก และบรรยากาศภายในบ้าน ซึ่งคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการผ่อนคลายกับ Smart Tub อ่างอาบน้ำอัจฉริยะจากแบรนด์ Jacuzzi ผู้เป็นหนึ่งในแบรนด์มาแรงไต่อันดับ Best hot tubs 2021 ขึ้นเป็นอันดับที่ 3 จากการจัดอันดับ โดย toptenreviews.com มีความโดดเด่นในด้านดีไซน์สวย หรูหรา และมีคุณภาพสูง พร้อมรูปแบบการใช้งานที่สามารถปรับอุณหภูมิน้ำ แสงไฟ ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่สำคัญสามารถสั่งการเมื่อไหร่ ที่ไหนก็ได้ หรือสั่งด้วยเสียงผ่าน อุปกรณ์ Control ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Amazon Alexa, Google nest และ Apple พร้อมรายงานผลการใช้พลังงานเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม และลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 780 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวราคา 26,149 บาท
6.Energy Management
และสุดท้ายกับสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามไป คือ ระบบตัวช่วยจัดการบริหารการใช้ไฟฟ้าภายบ้าน ซึ่งท่ามกลางตลาดที่เข้มข้นนั้น Sense คือหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นผู้เล่นในตลาดที่น่าจับตามองมากที่สุดในปี 2021 จากการจัดอันดับ PRNewswire
โดยระบบการทำงานของ Sense จะรายงานผลการใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น รายงานปริมาณการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ หรือปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ สรุปผลการใช้งานรายวัน และรายเดือน พร้อมทั้งแจ้งเตือนการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผิดปกติ เช่น ตู้เย็นหยุดทำงานกะทันหัน การเปิดใช้งานเตาอบเกินกว่าชั่วโมง ที่สำคัญยังมีเทคโนโลยีเพื่อช่วยวิเคราะห์หาทางออกสำหรับผู้ใช้งาน เพื่อช่วยให้ประหยัดไฟได้มากที่สุดอีกด้วย
โดยราคาอยู่ที่ 299 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราคา 10,025 บาท
เรียกได้ว่าต่อไปเฟอร์นิเจอร์ หรือข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านแถบทุกอย่างจะได้รับการปรับแต่งด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามา และกลายเป็นสินค้าอัจฉริยะที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น ที่สำคัญยังเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตของธุรกิจในโลกดิจิทัลอีกด้วย