รัสเซียบุกโจมตียูเครน หายนะทางวัฒนธรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามา

รัสเซียบุกโจมตียูเครน

หายนะทางวัฒนธรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามา

จากความขัดแย้งของรัสเซียกับยูเครน กองกำลังของรัสเซียเข้าโจมตีเมืองหลัก ๆ ของยูเครน และเกิดการปะทะกันครั้งนี้ก็ไม่เพียงทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตมนุษย์ สิ่งก่อสร้าง ถนนหนทาง หรือโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เท่านั้น แต่มรดกทางวัฒนธรรม งานศิลปะ อนุเสาวรีย์ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนจากทั่วโลกอยากไปเที่ยวชมก็อาจถูกทำลายไปด้วย

การบุกรุกของกองกำลังรัสเซียทำให้พิพิธภัณฑ์ใน Ivankiv เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ถูกไฟไหม้ ไปพร้อมกับผลงาน 25 ชิ้นของศิลปิน Maria Prymachenko ซึ่งภาพวาดของเธอเป็นภาพวาดศิลปะพื้นบ้านสีสันสดใส ซึ่งได้รับการจัดแสดงอย่างกว้างขวางในประเทศและปรากฏบนแสตมป์ของยูเครนในช่วงทศวรรษ 1970 และเธอยังได้รับรางวัล Taras Shevchenko National Prize of Ukraine ในปี 1966 ถือเป็นศิลปินคนสำคัญของยูเครน และเป็นศิลปินที่แม้แต่ปิกัสโซยังนับถือและหลงใหลในพรสวรรค์

J Paul Getty Trust องค์กรศิลปะระดับโลกได้ออกมาประณามการทำลายมรดกทางวัฒนธรรมในยูเครนครั้งนี้ และกล่าวว่ากองกำลังรัสเซีย “จงใจเผา” พิพิธภัณฑ์ Ivankiv ซึ่งเป็นที่ตั้งของงานศิลปะพื้นบ้านของยูเครนซึ่งประเมินค่าไม่ได้

ทางด้านสมาคมภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (AAMC) ในนิวยอร์ก ก็ได้ออกแถลงการณ์ประณามการบุกรุกของยูเครนและแสดงความกังวลต่อผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงแสดงความกลัวว่ามรดกทางวัฒนธรรมของยูเครนอาจกำลังตกอยู่ในอันตราย

 

สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมของยูเครนที่ไหนบ้างที่เสี่ยงต่อการถูกรัสเซียโจมตี?

พิพิธภัณฑ์ทั่วประเทศยูเครน หลายแห่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่กองกำลังของรัสเซียจะเข้าจู่โจม ซึ่งเป็นที่จัดเก็บผลงานศิลปะที่สำคัญของศิลปินยูเครนและรัสเซีย รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์และภาพวาดไบแซนไทน์

พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติโอเดสซา ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 1899 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีงานศิลปะมากกว่า 10,000 ชิ้น รวมถึงผลงานของศิลปินชาวรัสเซียและยูเครนที่โด่งดังที่สุดตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 16

พิพิธภัณฑ์ Maidan หรือที่เรียกกันว่า Museum of Freedom ในเมืองเคียฟ ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 สะสมผลงานประมาณ 4000 ชิ้น ซึ่งบันทึกการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของยูเครนส่วนใหญ่ไว้ที่นี่

นอกจากเคียฟ เมืองคาร์คีฟที่อยู่ทางตะวันออกก็โดนโจมตีอย่างหนักจากกองกำลังรัสเซีย ซึ่งคาร์คีฟเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ มหาวิหาร และย่านประวัติศาสตร์หลายแห่งเช่นกัน

วิหารเซนต์โซเฟีย

ตั้งอยู่ในกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนและเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของเคียฟ สร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 โดยมีบทบาทเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณ การเมือง และวัฒนธรรม เป็นที่ตั้งของโรงเรียนและห้องสมุดแห่งแรกใน Kyivan Rus ติดกับพระบรมมหาราชวัง เป็นที่จัดพิธีราชาภิเษกและพระราชพิธีอื่น ๆ ลงนามสนธิสัญญา รวมทั้งได้ต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ และต่อมาในปี 1990 วิหารเซนต์โซเฟียก็ได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก

โรงละครโอเปร่าและบัลเลต์แห่งชาติโอเดสซา

ภายในโรงละครมีความหรูหรา จุคนได้มากกว่า 1,600 คน และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดในยูเครน โดยมีน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และลักษณะทางสถาปัตยกรรมของโอเดสซาโอเปร่าเฮาส์เป็นการผสมผสานระหว่างยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลีและเวียนนาบาโรก สไตล์บาโรกคลาสสิกและโรโกโก โรงละครแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองโอเดสซาที่ติดทะเลดำ ซึ่งรัสเซียได้เริ่มโจมตีด้วยระเบิดแล้ว

Lake Lemuria

เป็นทะเลสาบสีชมพูของยูเครน ซึ่งสีชมพูนั้นมาจากสาหร่ายใต้น้ำเมื่อโดนแสงแดดจะผลิตเบตาแคโรทีน (สารชนิดเดียวกับที่พบในแคร์รอต) ทำให้กลายเป็นสีชมพู และสีของทะเลสาบจะสวยสดใสที่สุดในวันที่อากาศร้อนและมีแดดจัด ซึ่งระดับน้ำต่ำที่สุด ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งไครเมียผนวกรวมกับรัสเซียแล้วในปี 2014 ในขณะที่ทะเลสาบอยู่ในยูเครน แต่อยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียเพียงไม่กี่ไมล์ ทำให้อยู่ในลิสต์ที่นักท่องเที่ยวไม่เดินทางไป

Vozdvyzhenka

ย่านบ้านสีรุ้ง มีบ้านหลายสิบหลังในสไตล์ที่จำลองจากศตวรรษที่ 19 ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านประวัติศาสตร์ของเคียฟ นักท่องเที่ยวนิยมเดินชมเมืองในตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืนกลับเงียบสงัด และร้างผู้คน ถนนกลับมืดมิด แทบไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่ เพราะเป็นย่านที่พื้นที่ราคาแพงและส่วนใหญ่ซื้อเพื่อเป็นการลงทุน ไม่ได้อยู่อาศัย จึงมีการเรียกที่นี่ว่า เมืองผีของเศรษฐี

Shevchenko City Garden

เป็นสวนสาธารณะในเมืองคาร์คีฟ ห่างจากชายแดนรัสเซียไม่กี่ไมล์ สวนขนาดใหญ่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนนิยมมาเดินเล่นยามเย็น และในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีของขายริมถนนทั้งขนมและไอศกรีมตลอดทั้งวัน ภายในอุทยานแห่งนี้ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ หอดูดาว รวมถึงน้ำพุขนาดใหญ่  ซึ่งจะเปิดการแสดงแสงสีในเวลากลางคืน

Gorky Park

นอกจากนี้ ในเมืองคาร์คีฟซึ่งห่างจากรัสเซียไม่มาก ยังมี Gorky Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะและสวนสนุกขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับครอบครัว เป็นสวนสาธารณะที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน รวมถึงเป็นพื้นที่ที่มีธีมหลากหลาย เช่น “ยุคกลาง” และ “ฤดูร้อนในฝรั่งเศส” นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟกลางแจ้งและรถเข็นขายอาหารมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเล่นเครื่องเล่น

Rynok Square

ถนนในตัวเมืองลวีฟและ Rynok Square ที่มีเสน่ห์ ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกสุดของประเทศ เป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกรัสเซียโจมตีมีเสียงไซเรนดังขึ้นก้องไปทั่ว ซึ่งลวีฟก็เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดในยุโรปตะวันออก ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของฤดูใบไม้ผลิ และ Rynok Square จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาเมื่อมีนักท่องเที่ยวและคนในเมืองเองมาช็อปปิง สังสรรค์ หรือเพลิดเพลินกับอาหารทั้งเช้าและกลางวัน ท่ามกลางแสงแดดสดใส

House with Chimaeras

เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อ Gorodetsky House เนื่องจากเป็นหนึ่งในอาคารสไตล์อาร์ตนูโวไม่กี่แห่งในเมืองเคียฟ สร้างขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1900 โดยเป็นอาคารที่สร้างโดยนักออกแบบที่สนใจการล่าสัตว์  จึงกลายเป็นประติมากรรมที่เป็นรูปสัตว์ที่มีความสลับซับซ้อน ทั้งแรด ช้าง และนกอินทรีทั่วบริเวณด้านนอกอาคาร ปัจจุบันสำนักงานบริหารของยูเครนใช้ที่นี่จัดประชุมและเป็นที่พักรับรองแขกด้วย

จะรักษามรดกทางวัฒนธรรมของยูเครนจากการถูกทำลายไว้ได้อย่างไร?

มีรายงานว่าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประวัติศาสตร์ยูเครนในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเขตชานเมืองทางใต้ของกรุงเคียฟได้ย้ายสิ่งของสำคัญในคอลเลกชันงานศิลปะไปยังห้องใต้ดินของอาคาร องค์กรศิลปะระดับโลก Getty อ้างคำพูดของ Fedir Androshchuk ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ว่า พวกเขากำลังพยายามร่วมมือกัน เพื่อปกป้องพิพิธภัณฑ์จากการถูกโจมตีหรือการปล้นสะดมอยู่

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก WorldData เผยว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ายูเครนไม่ได้มีปริมาณมากนัก ปี 2017 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 14.58 ล้านคน ปี 2018 จำนวน 14.34 ล้านคน ปี 2019 จำนวน 13.71 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของนักท่องเที่ยว ‘ยูเครน’ อาจไม่ใช่จุดหมายแรกของนักท่องเที่ยวที่นึกถึงในอันดับต้น ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ‘ยูเครน’ สามารถปั๊มเงินจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ดี

โดยข้อมูลระบุว่า มีการใช้จ่ายระหว่างการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.02, 2.27 และ 2.60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงระหว่างปี 2017-2019 ตามลำดับ

แต่ที่น่าตกใจคือ ปี 2020 ที่มีการระบาดของ COVID-19 จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลงอย่างมากอยู่ที่ 3.38 ล้านคน และมีรายได้เพียง 687 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

ปีนี้ ผู้คนทั่วโลกยังคงอยู่ท่ามกลางการระบาดใหญ่ทั่วโลก แต่การท่องเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศมีแนวโน้มที่จะกลับมาดีขึ้น เพราะผู้คนฉีดวัคซีนเพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ

แต่เมื่อเกิดการปะทะกันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้น่านฟ้าระหว่างประเทศปิด และไม่รู้จะปิดไปอีกนานเท่าไร ทำให้การท่องเที่ยวของยูเครนหยุดชะงักอีกครั้ง อีกทั้งองค์การอนามัยโลกก็ได้ออกมาเตือนถึงสภาพการณ์ในพื้นที่ยูเครนว่า อาจเกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยจะยิ่งทำให้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ง่ายขึ้น ซึ่งอาจทำให้ยูเครนสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่าเดิมอีก

และถ้าหากสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ถูกทำลายระหว่างสงครามครั้งนี้ ยูเครนอาจต้องเสียทั้งเงินและเวลาในการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นให้กลับมาเป็นดังเดิมด้วย

หากสงครามยังไม่สงบ ความเสี่ยงที่จะสูญสิ้นมรดกทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือสถานที่ก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะฉะนั้นหากสงครามทวีความรุนแรงหรือยืดเยื้อยาวนาน ก็อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อรากเหง้าวัฒนธรรมของยูเครนและของโลกมากกว่าที่เราจะคาดเดาได้

 

ที่มา : Firstpost, Matador Network, Artnet News, Lonely Planet

 

เขียนและเรียบเรียง สีน้ำ แผ่วฉิมพลี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
.
#Businessplus #Business#นิตยสารBusinessplus #รัสเซีย #ยูเครน #รัสเซียยูเครน #สงครามรัสเซียยูเครน #ท่องเที่ยว #สถานที่ท่องเที่ยว #มรดกทางวัฒนธรรม #มรดกโลก #MariaPrymachenko