อาร์เอส ทุ่มเกือบพันล้าน ร่วมทุนกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ รุกธุรกิจใหม่ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย” ต่อยอดโมเดล Entertainmerce สร้าง New S-Curve โตก้าวกระโดด

อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศขยายธุรกิจ เข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย ในสัดส่วน 35% ด้วยมูลค่าการลงทุน 920 ล้านบาท โดยเข้าลงทุนผ่าน บริษัท อาร์เอสเอ็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ อาร์เอส กรุ๊ป (อาร์เอส ถือหุ้น 100%) สร้างการเติบโตแบบ New S-Curve ก่อให้เกิดการผนึกกำลัง หรือ synergy ที่แข็งแรงมากขึ้น ทั้งจากทรัพยากรและจุดแข็งที่ อาร์เอส กรุ๊ป และ กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ มี และสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ มั่นใจสร้างความแตกต่างและต่อยอดโมเดล Entertainmerce ของ อาร์เอส กรุ๊ป ได้ในหลายมิติ และเป็นการขยายรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ แบ่งปันทรัพยากรและจุดแข็งจากธุรกิจบันเทิง สื่อ และพาณิชย์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยการลงทุนครั้งนี้ เป็นการซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ทั้งจำนวน ทำให้เม็ดเงินที่ลงทุนเข้าบริษัทเชฎฐ์อย่างเต็มที่ เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจในอนาคตต่อไป

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การก้าวสู่ New Era เพื่อสร้าง New S-Curve นั้น การเข้าซื้อลงทุนในกิจการ หรือ M&A เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการสร้าง Ecosystem ให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนมั่นคงในระยะยาว การเข้าลงทุนในครั้งนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ทุ่มงบลงทุน 920 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สถานะทางเงินของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องในระดับสูง ยังสามารถรองรับการเติบโตและการขยายกิจการของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว”

เหตุผลที่ RS เข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทเชฎฐ์

มองว่าภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยการเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด ที่มีบริษัทย่อย 3 บริษัท (ถือหุ้น 100%) ได้แก่ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด และ บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเรียกรวมว่า กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ซึ่งประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่

1) ธุรกิจบริหารหนี้ครบวงจร และที่ปรึกษาการบริหารจัดการหนี้ ดำเนินการโดย บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด มีพนักงาน Call center กว่า 400 คน และทีมติดตามและบริหารหนี้กว่า 100 คน สำหรับรองรับการให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ตให้บริการติดตามหนี้สินกว่า 45,000 ล้านบาท จำนวนบัญชีลูกหนี้กว่า 3 แสนราย ลูกค้าหลักได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน

2) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เข้าซื้อ รับโอนและบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ NPL ทั้งจากกลุ่มสถาบันการเงินและที่มิใช่สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจนี้ ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด ได้รับใบทะเบียนบริษัทบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (“ธปท.”) และ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ปัจจุบัน มีมูลค่าพอร์ตหนี้ภายใต้การบริหารกว่า 27,000 ล้านบาท จำนวนบัญชีลูกหนี้กว่า 1 แสนบัญชี

3) ธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด ดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. และ บริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ปัจจุบันมีมูลค่าสินเชื่อคงเหลือประมาณ 300-400 ล้านบาท รวมทั้งหมดกว่า 1,000 บัญชี

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุน

กลุ่มบริษัทเชฎฐ์มีการประกอบธุรกิจที่ครบวงจร ตั้งแต่การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การติดตามทวงถามหนี้ บังคับคดีและการให้สินเชื่อรายย่อย และมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีทีมผู้บริหาร ทีมงาน และบุคลากร ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การดำเนินการธุรกิจนี้มาอย่างยาวนาน จึงเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้กับอาร์เอส โดยปีที่ผ่านมา คาดว่ากลุ่มบริษัทเชฎฐ์ มีประมาณการรายได้รวมราว 600-700 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณเกือบ 150-200 ล้านบาท ดังนั้น การที่ อาร์เอส กรุ๊ป เข้าถือหุ้นในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการรุกธุรกิจใหม่ เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ เพราะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และยังมีแผนการเติบโตของพอร์ตบริหารหนี้และยอดสินเชื่อรายย่อยอย่างต่อเนื่องในอนาคต

“นอกจากนี้ จากความร่วมมือของทั้งสองกลุ่มบริษัทในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถสร้าง synergy ที่แข็งแรงมากขึ้น จากการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ทางทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละบริษัทฯ ทั้งในด้านสื่อ ช่องทางการขาย ระบบการบริหารจัดการข้อมูล และ Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป รวมถึงประสบการณ์ความชำนาญในธุรกิจ และภาพลักษณ์ในอุตสาหกรรมของกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ จะส่งผลให้เกิดประโยชน์เสริมให้กันและกันอย่างมาก อาทิ การขยายฐานลูกค้า ช่องทางการขาย การใช้สื่อและกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ ซึ่งเหล่านี้จะสร้างความแตกต่างและต่อยอดโมเดล Entertainmerce ได้อย่างแน่นอน และจะช่วยเสริมให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์มีการเติบโตที่แข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคตจนเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปี” นายสุรชัย กล่าวปิดท้าย

เกี่ยวกับ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)

อาร์เอส เป็นผู้บุกเบิกและผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่วัฒนธรรมความบันเทิงของไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525  ปัจจุบัน อาร์เอส กรุ๊ป อยู่ในหมวดธุรกิจพาณิชย์ในตลาดหลักทรัพย์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ คอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบด้วย อาร์เอส มอลล์ และ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด และธุรกิจสื่อและบันเทิง ซึ่งประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 คูลลิซึ่ม และอาร์เอส มิวสิค ภายใต้โมเดล Entertainmerce ที่ควบคุมและบริหารงานได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดึงศักยภาพของสื่อและธุรกิจบันเทิงในมือออกมาใช้เพื่อสนับสนุนธุรกิจคอมเมิร์ซ จึงเป็นการเชื่อมโยงธุรกิจในเครือเข้าด้วยกันอย่างเบ็ดเสร็จและส่งเสริมให้ทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตต่อเนื่องไปพร้อมๆ กัน โดยปัจจุบัน อาร์เอส มอลล์ มีฐานข้อมูลลูกค้าทะลุ 1.6 ล้านราย มีทีมเทเลเซล กว่า 600 คน ซึ่งบริษัทฯ ได้นำ Big Data มาวิเคราะห์และพัฒนาวิธีการนำเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย พร้อมกับการนำระบบ Predictive Dialing System (PDS) เข้ามาพัฒนาระบบคอลเซ็นเตอร์ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นหลังบ้านที่ทรงพลังและเป็นจุดแข็งสำคัญ อาร์เอสเป็นหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จจนได้รับยกย่องเป็นกรณีศึกษาในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมอันล้ำสมัย เพื่อความเป็นผู้นำในโลกธุรกิจที่หมุนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน นับเป็นความภูมิใจที่เราไม่ได้เป็นเพียงสื่อบันเทิงที่สร้างแรงบันดาลใจแต่เป็นช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึงได้โดยตรง ซึ่งมีสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

เกี่ยวกับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด

ก่อตั้งเมื่อปี 2541 และมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้สิน ฟ้องสืบทรัพย์ มาอย่างยาวนาน โดยมีลูกค้ากลุ่มแรกๆ เป็นกลุ่มสถาบันการเงิน ต่อมาในปี 2546 จัดตั้ง บริษัท รีโซลูชั่น เวย์ จำกัด รับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหาร ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ในปี 2555 ได้ก่อตั้ง บริษัท บริหารสินทรัพย์  ซีเอฟ เอเชีย จำกัด จากการมองเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจซึ่งสถาบันการเงินรวมถึงบริษัทเช่าซื้อบางแห่งมีนโยบายที่จะลดสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพลง เพื่อรักษาระดับ NPL หลังจากนั้นในปี 2556 บริษัท บริหารสินทรัพย์ ซีเอฟ เอเชีย จำกัด ได้เข้าจดทะเบียนกับ ธปท. เพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ตาม พ.ร.ก. บริษัทบริหารสินทรัพย์ และในปี 2558 ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท คอร์ทส์ เม็กก้าสโตร์ (ประเทศไทย) จำกัด จากผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นชาวต่างประเทศซึ่งเดิมทำธุรกิจสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า และได้เปลี่ยนมาเป็นการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลในปัจจุบัน