คัดสุดยอด 5 กองทุน RMF ผลตอบแทนพุ่งแรง ได้ลดหย่อนภาษี “แถมรวยตอนแก่”

จากก่อนหน้านี้ที่ ‘Business+’ ได้มาเล่าถึงความสำคัญ และประโยชน์ของกองทุนรวม RMF กันไปแล้วในคอนเทนต์ “ทำไมกองทุน RMF ถึงช่วยให้เราไม่ “จนตอนแก่” ครั้งนี้เราจะมาสำรวจและรวบรวม 5 กองทุนรวม RMF ที่มีผลตอบแทนสูงที่สุด โดยใช้ข้อมูล 3 ปีย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2565)

โดยที่เราเลือกช่วงเวลาคัดเลือกผลตอบแทน 3 ปี เพราะว่าการลงทุนในกองทุนรวม RMF นั้น จะต้องมองที่ผลตอบแทนระยะยาวเป็นหลัก จากเงื่อนไขที่บังคับให้ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในทุกปี (หยุดลงทุนได้ไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น) และยังต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี และถือจนกว่าอายุจะครบ 55 ปี

โดย 5 อันดับกองทุนรวม RMF ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบ 3 ปีย้อนหลังมีดังนี้

 

กองทุนรวม RMF

จะเห็นว่ากองทุน 5 อันดับแรกเป็นกองทุน RMF ประเภทตราสารทุน ที่กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนประเภทต่าง ๆ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหลักทรัพย์ รวมถึงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ๆ ซึ่งกองทุนรวม RMF ประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไป

 

นอกจากมองที่อัตราผลตอบแทนแล้ว ยังต้องมองเรื่องของสิทธิประโยชน์ด้วยเช่นกัน โดยเคล็ดลับสำหรับลงทุนซื้อกองทุนรวมมีขั้นตอนง่ายๆ 4 ขั้นตอน ดังนี้

  1. ศึกษารายละเอียดของกองทุนให้ดีก่อน โดยเลือกพิจารณาในกองทุนที่มีนโยบายเหมาะสมกับตนเอง ซึ่งจะต้องมองที่ความเสี่ยงในระดับที่เรายอมรับได้ เช่น หากต้องการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่สูง ก็จะเหมาะสมกับกองทุนรวม RMF ตราสารทุน เช่น หุ้น เพราะจะมีความผันผวนสูงกว่า แต่ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน (High risk high return) แต่หากต้องการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง ก็จะเหมาะกับกองทุนรวม RMF ตราสารหนี้ เพราะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าแต่ความผันผวนน้อยกว่า
  2. ลงทุนตามสิทธิที่ได้รับ ไม่ลงทุนเกินสิทธิ เพราะหากซื้อกองทุนรวม RMF เกินเกณฑ์ที่กำหนด เราต้องนำกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนไปคำนวณภาษี (ข้อจำกัดใหม่ของการลงทุน RMF เมื่อปี 2022 สูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ในปีนั้น ๆ และไม่เกิน 500,000 บาท)
  3. กระจายการลงทุนใน RMF เนื่องจากกองทุนมีหลายประเภท แตกต่างตามกลยุทธ์และนโยบาย ซึ่งก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่แตกต่างกัน หากเราต้องการผลตอบแทนสูง และมีความปลอดภัยไปด้วย เราก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวม RMF ที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับจากผลตอบแทน โดยเลือกปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
  4. วางแผนการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) หรือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนเป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส เพื่อไม่ให้ต้นทุนของเราสูงมากจนเกินไป การทำ DCA จะทำให้ต้นทุนเราใกล้เคียงกับตลาดมากที่สุด เพราะหากซื้อทั้งปีทีเดียวอาจจะได้ต้นทุนที่สูงมากกว่า

อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง เราจึงต้องศึกษาหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด และปรับการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินของตนเองให้ได้มากที่สุด

หากใครต้องการอ่านเนื้อหาที่เกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุที่น่าสนใจในแง่มุมอื่น ๆ สามารถติดตามได้ที่ Section พิเศษ The Coming of a Hyper-aged Society’ เฒ่าทันความสูงวัย ก่อนไทยเข้า Hyper-Aged ที่ ‘Business+’ ได้จัดทำขึ้นมาในช่วงครบรอบ 34 ปี และรวบรวมเนื้อเอาไว้ภายในเว็บไซต์ : https://www.thebusinessplus.com/hyper_aged/?version=Bplus1

ที่มา : SET ,wealthmagik ,ศูนย์วิจัยกรุงศรี

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

#RMF #กองทุนรวมRMF #ลงทุน #การลงทุน #การลงทุนกองทุนรวม #กองทุนรวม #กองทุน #LTF