PTTGC เผยผลประกอบการไตรมาส 4/59 กำไรสุทธิ 9,744 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 57 จากไตรมาส3/59 ผลจากการเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2559 มีกำไรสุทธิจำนวน 25,602 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากปี 2558 โดยมีปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ รับรู้กำไรมูลค่าสต๊อกน้ำมันที่สูงขึ้น มี EBITDA จำนวน 48,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จาก ปี 2558 โดยในไตรมาส 4/2559 มีกำไรสุทธิจำนวน 9,744 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 108 จากไตรมาส 4/2558 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,690 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นร้อยละ 57 จากไตรมาส 3/59 ที่มีผลกำไรรวมสุทธิอยู่ที่ 6,226 ล้านบาทสำหรับปี 2560 บริษัทฯ คาดว่าราคาน้ำมันดิบ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับราคา 52-55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เหตุผลเนื่องมาจากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 97.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สำหรับการดำเนินงานโครงการ MAX หรือ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กรโดยมีเป้าหมายหลักที่จะยกระดับผลประกอบการให้ดีขึ้นได้ในลักษณะต่อเนื่องทุกปีโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพิ่มผลกำไรของบริษัทฯ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และลดค่าใช้จ่าย ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ในขั้นตอนที่เริ่มดำเนินงานตามแผนที่วางไว้
ส่วนแผนการลงทุนต่าง ๆ ในปี 2560 นั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าซื้อหุ้น ในบริษัท ต่าง ๆ จาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 26,300 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์ส จำกัด (HMC) : ซื้อหุ้นในสัดส่วน 41.44 % รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 41.44 % ผู้ประกอบการธุรกิจ Downstream สายโพรพิลีน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อาทิ เม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) เป็นต้น
2.บริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (PTTAC) : ซื้อหุ้นในสัดส่วน 50 % รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 50 % ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อาทิ อะคริโลไนไตรล์ (Acrylonitrile) เมทิลเมตะคริเลต (Methyl Methacrylate) เป็นต้น
3.บริษัท พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม จำกัด (PTTMCC) : ซื้อหุ้นในสัดส่วน 50 % รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 50% ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพชนิดโพลิบิวทิลีน ซัคซิเนต (Polybutylene Succinate: PBS)
4.บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ส มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (PTTPM) : ซื้อหุ้นในสัดส่วน 50 % รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 100 % ผู้ประกอบการด้านการตลาด การขายผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ของกลุ่ม ปตท.
5.บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ โลจิสติกส์ จำกัด (PTTPL) : ซื้อหุ้นในสัดส่วน 50 % รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 100% ผู้ประกอบการกิจการการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์ การบริหารคลังสินค้า และการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
6.บริษัท พีทีที เมนเทนแนนซ์ แอนด์ เอนจิเนียริง จำกัด (PTTME) : ซื้อหุ้นในสัดส่วน 40 % รวมเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 100 % ผู้ประกอบธุรกิจการวางแผน ส่งเสริม ออกแบบ ก่อสร้าง บำรุงรักษา งานวิศวกรรมของโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท
“การปรับโครงสร้างการถือหุ้นข้างต้น ได้ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา เป็นการสร้างความชัดเจนในการประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในสายโซ่อุปทาน เพิ่มโอกาสการต่อยอดธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่มีมูลค่าสูง เพื่อรักษาและเพิ่มความสามารถการแข่งขันในระยะยาว ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างการถือหุ้น ในครั้งนี้ ได้ผ่านการศึกษามาอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดย ปตท. เชื่อมั่นว่า PTTGC จะสามารถสร้างความเข้มแข็ง และเติบโตไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และก้าวไปสู่การเป็น Flagship ด้านปิโตรเคมีของ ปตท. ต่อไป”
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรอการอนุมัติจากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในวันประชุม ผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้