ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเครื่องดื่มสมุนไพรถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักสุขภาพ จึงทำให้แนวโน้มของตลาดนี้ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดย ‘โพชง พลัส’ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนานเกิน 16 ปี ซึ่งส่วนผสมนั้นประกอบไปด้วยพฤกษาชาติ 32 ชนิด และยังให้ความสำคัญกับรสชาติไปพร้อม ๆ กับสรรพคุณที่มากมาย จนประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องของยอดขาย และการสร้างแบรนด์ จนในปีนี้เป็นอีกปีที่พีไฟว์กรุ๊ปสามารถคว้ารางวัล Product of the year awards 2023 ได้เป็นครั้งที่ 2
คุณภาวัฒน์ โตกะคุณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พีไฟว์กรุ๊ป กล่าวถึงความสำเร็จที่ผ่านมาของผลิตภัณฑ์ ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) เครื่องดื่มสมุนไพรที่วางจำหน่ายยาวนานมากกว่า 16 ปี ว่ายังเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าเดิม ด้วยสรรพคุณที่เห็นผลจริง และการให้บริการหลังการขายที่เข้าถึงผู้บริโภคเป็นอย่างดี นอกจากนี้ล่าสุดยังมีการพัฒนาสูตรขึ้นเป็น ’โพชง พลัส’ (POCHONG+) ที่มีความเข้มข้นขึ้น และตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นตัวสนับสนุนให้รายได้เครื่องดื่มโพชง พลัส’ (POCHONG+) ในปี 2566 สามารถขึ้นไปแตะระดับ 220 ล้านบาท
ทั้งนี้ คุณภาวัฒน์ กล่าวว่า ตลอดเวลา 16 ปีที่ผ่านมาเครื่องดื่ม ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) ยังไม่เคยมีการพัฒนาออกสูตรใหม่ แต่ก็ได้มีการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ อย่างเช่น การมีผลการวิจัยที่บ่งชี้ถึงสรรพคุณของเครื่องดื่ม ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) ว่าสามารถลดน้ำตาลได้ อย่างไรก็ตามเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบันทำให้ความต้องการเครื่องดื่มสุขภาพสูงขึ้น ทางบริษัทฯ จึงได้พัฒนาและคิดค้นสูตรใหม่ที่เป็นการพัฒนาจากสูตรเดิมเพื่อตอบรับกับเทรนด์ดังกล่าว และนำมาสู่แผนการออกเครื่องดื่มโพชงสูตร Plus ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรจีนให้เข้มข้นขึ้นกว่าสูตรดั้งเดิม และเพิ่มรสชาติหวานและเปรี้ยวตามความชอบของคนไทยส่วนใหญ่อีกด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของอัตราส่วนการบริโภค และแพ็กเกจจิ้ง (Packaging) ยังยึดรูปแบบสูตรเดิมมากที่สุด โดยสิ่งที่แตกต่างกันคือ สูตรใหม่จะมีการพิมพ์สกรีนคำว่า ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) ไว้ที่ขวดเพื่อไม่ให้เห็นถึงความแตกต่างมากนัก
“ก่อนการออกสูตรใหม่บริษัทฯ ได้วางแผนที่การตลาดอย่างยาวนาน เช่น ลงไปสำรวจพฤติกรรมความชอบของผู้บริโภคจึงทำให้รู้ว่าตอนนี้คนไทยชอบรสชาติหวานอมเปรี้ยว ซึ่งได้สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก ทำให้การวิจัยใช้เวลาราว 1 ปีจนออกมาเป็นรสชาติที่ดีขึ้น และยังมีสรรพคุณที่ดีกว่าเดิม ขณะที่แพ็กเกจจิ้งก็ต้องไม่แตกต่างจากเดิม เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ลูกค้าอาจไม่มั่นใจว่าเป็นของแท้ ซึ่งก็ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของการสร้างแบรนด์ที่ลูกค้าสามารถจดจำรายละเอียดได้เป็นอย่างดี” คุณภาวัฒน์ กล่าว
สำหรับแผนการทางตลาดเครื่องดื่ม ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) เริ่มเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok เพื่อเพิ่ม Brand Awareness และเพิ่มฐานลูกค้า Gen ใหม่ ๆ จากฐานลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มผู้สูงวัย โดยจะเป็นการคัดเลือก Influencer ให้เหมาะสมกับสินค้า และต้องให้ทดลองใช้สินค้าของแบรนด์จริง เพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำและช่วยดึงดูดให้ลูกค้ากล้าทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
“เครื่องดื่ม ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) เริ่มวางจำหน่ายได้ไม่นาน แต่กระแสตอบรับดีมากเนื่องจากเป็นสูตรใหม่ที่ปรับในรอบกว่า 16 ปี และมีส่วนผสมของสมุนไพรที่เข้มข้นขึ้น ให้สรรพคุณที่มากขึ้น ซึ่ง 3 เดือนหลังจากวางจำหน่ายบริษัทฯ จะเก็บข้อมูล และความพึงพอใจของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง” คุณภาวัฒน์ กล่าว
คงคอนเซปต์ From Family To Families
คุณภาวัฒน์ กล่าวว่า การที่จะรักษาฐานลูกค้า แล้วทำให้ลูกค้าเกิด Brand Loyalty ได้นั้น คือการให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย (After Sale) ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ครองใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยที่การทำธุรกิจจะต้องยึดคอนเซปต์ ‘From Family to Families’ ซึ่งหากลูกค้าเกิดมีปัญหาหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ทางบริษัทจะเดินทางไปตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือทันที
ซึ่งการดูแลหลังการขายถือเป็นการแสดงความจริงใจต่อลูกค้า อีกทั้งยังส่งเสริมให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดี จนเกิดการบอกต่อ (Word Of Mouth) จากคนใกล้ตัวหรือคนในครอบครัวด้วยกันเอง นั่นเป็นเพราะเมื่อผลลัพธ์ที่ได้จากผลิตภัณฑ์เป็นไปตามความคาดหวัง อย่างการช่วยลดอาการท้องผูก กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผนวกกับการบริการที่จริงใจ ก็จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจในตัวแบรนด์ นำมาสู่ Brand Loyalty นั่นเอง
สุดท้ายนี้ ‘Business+’ ได้เห็นการเติบโตของเครื่องดื่มสมุนไพร ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+) ที่ถือได้ว่าครั้งนี้ทางแบรนด์ได้เพิ่มความท้าทายให้ตัวเองด้วยการปรับสูตรใหม่ และเดินหน้าการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่ม Brand Awareness ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากของเครื่องดื่ม ‘โพชง พลัส’ (POCHONG+)