ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีน กับการเติบโตที่จะมาจากวัยรุ่นยุค 90

พฤติกรรมของคนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงจากการมีครอบครัวขนาดใหญ่ มาเป็นครอบครัวที่เล็กลง จนในที่สุดคนรุ่นใหม่เลือกที่จะเป็นโสด หรือไม่มีลูก แต่หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้กลายเป็นปัจจัยที่หนุนบวกกับจำนวนสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งคนรุ่นใหม่ต้องการเลี้ยงสัตว์เพื่อบรรเทาความเหงาเสมือนเพื่อนหรือเป็นสมาชิกในครอบครัว ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่สำหรับสัตว์เลี้ยงใหม่ๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจความงามสำหรับสัตว์เลี้ยง สวนสนุกสำหรับสัตว์เลี้ยง ธุรกิจจัดหาคู่รักให้กับสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงธุรกิจการ จัดงานศพให้กับสัตว์เลี้ยง

สำหรับประเทศไทยนั้น ผลสำรวจในปี 2566 ทำให้เห็นว่าคนไทยมากกว่า 49% เลือกเลี้ยงสัตว์เป็นลูก และยอมจ่ายค่าดูแลเฉลี่ยสูงถึง 14,200 บาทต่อตัวต่อปี ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยข้อมูลคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงในไทย จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 66,748 ล้านบาทในปี 2026

ซึ่งในภาพรวมแล้วนั้น Kantar บริษัทวิจัยชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก วิเคราะห์ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงว่า ตลาดจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในหลายมิติ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผู้ซื้อมากขึ้น และผู้เล่นที่มากขึ้น

โดยที่อุตสาหกรรมสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ถือว่าเป็นสินค้าดาวรุ่งของไทย สร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกเฉลี่ยปีละกว่า 65,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ไทยขึ้นเป็นผู้ส่งออกอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่เยอรมนี และสหรัฐอเมริกาทั้งเชื่อมั่นว่าในอนาคตไทยมีศักยภาพพอจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกในการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง

และยังมีอีกหนึ่งประเทศที่เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทำธุรกิจ หรือส่งออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง นั่นคือ ประเทศจีน เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศจีนยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังคงมีปัญหามากมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นการละทิ้งและการทรมานสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงทำร้ายคน การดูแลสัตว์เลี้ยง ในที่สาธารณะไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงอุตสาหกรรมบริการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ยังขาดการกำกับดูแลอย่างมี ประสิทธิภาพ จึงทำให้ความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในประเทศยังคงไม่เพียงพอ

โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจการฝึกอบรมสัตว์เลี้ยงกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีการนำสัตว์เลี้ยงเข้าเรียนในโรงเรียนฝึกสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ผ่านการฝึกมักจะมีนิสัยขับถ่ายตาม อำเภอใจ เลือกกิน ไม่เชื่อฟัง และรื้อทำลายข้าวของในบ้าน

ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงจึงต้องการให้สัตว์เลี้ยงได้รับการฝึกจากโรงเรียนเพื่อลดปัญหาเหล่านี้ ซึ่งโดยทั่วไปหลักสูตรการฝึกสุนัขในประเทศจีนจะใช้ระยะเวลาในการฝึก ประมาณ 1 เดือนขึ้นไป ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 หยวนขึ้นไป (14,628 บาทขึ้นไป) และโรงเรียนสัตว์เลี้ยงบางแห่งมี ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 10,000 หยวนขึ้น (48760.59) สำหรับหลักสูตรการแก้ไขพฤติกรรม

นอกจากโรงเรียนฝึกสัตว์เลี้ยงจะได้รับความนิยมแล้ว สถานรับฝากสัตว์เลี้ยงก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เช่นกัน ในช่วงวันหยุด ผู้จำนวนมากจะหลั่งไหลออกมาจากเมืองชั้นหนึ่งและสองเพื่อกลับบ้านเกิดหรือเดินทาง ท่องเที่ยว เมื่อไม่มีคนดูแล เจ้าของจึงจำเป็นต้องมองหาบริการรับฝากเลี้ยง อัตราค่าบริการรับฝากสัตว์เลี้ยงใน ประเทศจีนเฉลี่ยอยู่ประมาณ 200-680 หยวนต่อวัน

จากรายงานข้อมูลเชิงลึกการบริโภคสินค้าและบริการสัตว์เลี้ยงของจีน แสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนยุค 90 ครองสัดส่วนเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสูงสุด ในภาพรวมผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาและรายได้สูง โดยในปี 2564 ผู้เลี้ยงกว่า 35% มีรายได้เกิน 10,000 หยวน (48,760.59 บาท)

ซึ่งเหตุผลที่ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสัตว์ เลี้ยงแสนรัก เนื่องจากบริการเพื่อสัตว์เลี้ยงสามารถตอบสนองความต้องการทางด้านอารมณ์และจิตใจ การได้ดูแล สัตว์ก็เปรียบเสมือนได้ดูแลคนในครอบครัว

โดยที่อายุไขของสุนัขไม่ได้ยืนยาวมากนัก ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จึงอย่างมอบสิ่งที่ดี ที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง ข้อมูลจาก White papers ระบุว่า ในช่วงปี 2553-2562 ขนาดของตลาดอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในจีน เพิ่มขึ้นทุกปีอัตราการเติบโตรายปีแบบผสมเฉลี่ย 34.55% และยังคาดว่าในปี2567 จีนจะมีสัตว์เลี้ยง 445.5 ล้านตัว ขนาดตลาดจะสูงถึง 449,500 ล้านหยวน เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตเป็นเชิงบวก ทำให้นักลงทุนเริ่มหันมาลุงทุนในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ‘Business+’ มองว่า ความต้องการสินค้าสัตว์เลี้ยงนั้น เป็นไปตามแนวคิดและการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ซึ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศจีนมีให้การเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยในปี 2565 มูลค่าการค้าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศจีนรวมทั้งสิ้น 493,600 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.2% และคาดการณ์ว่า ในปี 2568 อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศจีนจะมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 811,400 ล้านหยวน (ข้อมูลจาก iimedia)

โดยแนวโน้มความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งของใช้อาหาร ยารักษา และยังขยายผลไปยังโอกาสทางธุรกิจบริการต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกสำหรับ เจ้าของสัตว์เลี้ยง การฝึกอบรมสัตว์เลี้ยง การรับอาบน้ำ สปา ทำความสะอาด รวมไปถึงการให้บริการว่ายน้ำ แช่น้ำ เล่น ล้วนแล้วแต่เพื่อพัฒนาจิตใจ อารมณ์ของสัตว์เลี้ยงแสนรัก

นอกจากนี้ ในบรรดากลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศจีน สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงมีสัดส่วนที่ใหญ่ ที่สุดในตลาดคิดเป็น 51.50% รองลงมาคือ สินค้าและบริการด้านการรักษาสัตว์เลี้ยง, สินค้าของใช้สำหรับสัตว์ เลี้ยง และ สินค้าอื่นๆ คิดเป็นสัดส่วน 29.2%, 12.8% และ 6.5% ของกลุ่มสินค้าและบริการในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ทั้งหมด

ซึ่งความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในจีน ได้ก่อให้เกิดช่องทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการเหล่านี้ เพราะตลาดของจีนที่ยังไม่สามารถตอบสนองได้ทั้งหมด อีกทั้งยังจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลักจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่เป็นผู้ส่งออกในระดับโลกที่อยากขยายช่องทางการกระจายสินค้าไปยังตลาดในประเทศจีนได้เป็นอย่างดี

ที่มา : กรมธุรกิจการค้า

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

Businessplus #Business #นิตยสารBusinessplus #สัตว์เลี้ยง #อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง #ธุรกิจสัตว์เลี้ยง #อาหารสัตว์