เปิดข้อมูลจัด ‘โอลิมปิก’ แต่ละครั้งเจ้าภาพทุ่มทุนไปเท่าไหร่?

การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympics) เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแต่ละครั้งไม่เพียงแค่แสดงถึงความสามารถของนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความสามารถในการจัดการและการบริหารงบประมาณของประเทศเจ้าภาพ นอกจากนี้ การแข่งขันเหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงานใหม่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติ รวมถึงมูลค่าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

แต่สิ่งที่ต้องระวังสำหรับเจ้าภาพคือ การบริหารงบประมาณให้เหมาะสม จากการจัดโอลิมปิก 9 ครั้งล่าสุด ทำให้เราเห็นว่าถึงแม้จะมีหลายประเทศได้ประโยชน์จากมัน แต่ก็มีอีกหลายประเทศที่เผชิญกับวิกฤตหนี้สินอย่างรุนแรงภายหลังการเป็นเจ้าภาพ

ซึ่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุดในปี 2024 จะถูกจัดที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการตั้งงบประมาณประมาณ 294,216 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างและปรับปรุงสถานที่กีฬา รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น การจัดงานคาดว่าจะสร้างรายได้จากการขายบัตร, สปอนเซอร์, และสิทธิ์การออกอากาศ โดยคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 500,000 ล้านบาท ยอดผู้ชมคาดว่าจะเกิน 10 ล้านคน และมียอดผู้ชมทางโทรทัศน์และออนไลน์มากกว่า 3 พันล้านคน การจัดงานจะสร้างเงินสะพัดเข้าสู่ฝรั่งเศสมากกว่า 760,000 ล้านบาท รวมถึงสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักกีฬาและผู้ชม

อีกทั้งการสร้างงานใหม่กว่า 250,000 ตำแหน่ง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมสุขภาพในประชากร การจัดการแข่งขันนี้ไม่เพียงแต่แสดงศักยภาพในการจัดงานระดับโลก แต่ยังเป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของฝรั่งเศส

ทีนี้เรามาย้อนดูกันว่าการจัดการแข่งขันในการเป็นเจ้าภาพของแต่ละประเทศใน 9 ครั้งล่าสุด เจ้าภาพการใช้งบประมาณเท่าไหร่ และมีผลกำไรขาดทุนเท่าไหร่กันบ้าง

olympic

การจัดงานโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากการระบาดของ COVID-19 และงบประมาณที่บานปลาย คาดการณ์งบประมาณไว้ที่ 552,000 ล้านบาท แต่ยอดจริงสูงถึง 1,300,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นขาดทุนประมาณ 87,000 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากบัตรเข้าชม การท่องเที่ยว และการค้าขายต่ำกว่าคาดหวัง ผลกระทบทางการเงินส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมและการฟื้นฟูหลัง COVID-19 ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับการจัดงานใหญ่ในอนาคต

โอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ที่กรุงริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล มีงบประมาณรวม 470,028 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมการก่อสร้างสนามกีฬาและโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน งานนี้ประสบปัญหาขาดทุนสูงถึง 71,760 ล้านบาท สาเหตุหลักคือการจัดการที่ไม่เป็นไปตามแผน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกินกว่าคาดการณ์ การประท้วงทางสังคมและความไม่สงบทางการเมืองในบราซิลยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของงานและการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานหลังจบการแข่งขัน ทำให้ไม่สามารถนำผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกลับคืนได้ตามคาดหมาย บทเรียนที่ได้จากโอลิมปิก 2016 ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการวางแผนและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ การควบคุมงบประมาณ และการเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันการขาดทุนในอนาคต

โอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้งบประมาณสูงถึง 645,840 ล้านบาท แต่เกิดการขาดทุน 186,576ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าคาดการณ์และรายได้ที่ไม่เพียงพอ แม้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะมีประโยชน์ในระยะยาว แต่การขาดทุนในระยะสั้นยังเป็นผลกระทบที่สำคัญ.

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน มีการลงทุนสูงถึง 1,578,720 ล้านบาท เพื่อการก่อสร้างและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงสนามกีฬา ระบบขนส่ง และการพัฒนาเมืองปักกิ่ง ส่งผลให้ได้กำไรสุทธิประมาณ 5,238 ล้านบาท และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของจีนในระดับโลก พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในระยะยาว

การจัดโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 538,200 ล้านบาท และขาดทุนรวมประมาณ 5,000,000 ล้านบาท ส่งผลให้กรีซเผชิญวิกฤตหนี้สินรุนแรง โดยมีสถานที่จัดการแข่งขันจำนวน 21 แห่งจาก 22 แห่งถูกทิ้งร้างและผุพัง หลังจากนั้นเศรษฐกิจของประเทศล่มสลายและรัฐบาลต้องลดการใช้จ่ายในด้านสาธารณสุข การศึกษา และสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญในการวางแผนและการบริหารจัดการโครงการระดับโลกให้เกิดประโยชน์ยั่งยืน

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีงบประมาณรวมประมาณ 136,344 ล้านบาท แต่กลับประสบปัญหาขาดทุนสูงถึง 75,348 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากการคาดการณ์รายได้ที่สูงเกินไปจากการขายบัตร, ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด, และการสนับสนุนจากภาคเอกชน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในปี 2000

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1996 ที่เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ใช้งบประมาณ 64,584 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการงาน ซึ่งมีการบริหารทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถสร้างกำไร 681 ล้านบาท จากการขายตั๋ว การสปอนเซอร์ และสิทธิ์ทางโทรทัศน์ ทั้งนี้ยังส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในระยะยาวของเมืองแอตแลนตา

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1992 เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน มีงบประมาณการจัดงานสูงถึง 337,272 ล้านบาท และสามารถทำกำไรได้ถึง 358 ล้านบาท โดยการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองสร้างผลประโยชน์ในระยะยาว เพิ่มการท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ และการจ้างงาน อีกทั้งยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศสเปนในระดับนานาชาติ.

การแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีงบประมาณรวมประมาณ 143,520 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ขณะที่การแข่งขันสร้างกำไรประมาณ 17,186 ล้านบาท จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น, การสนับสนุนและสิทธิบัตรการถ่ายทอดสด, และการจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ

ในมุมมองของ Business+ การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นการวัดความสามารถในการบริหารจัดการ ทั้งทางด้านการเงินและการวางแผนระยะยาวของประเทศเจ้าภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของแต่ละงานจะกลายเป็นบทเรียนที่มีค่ามากในการพัฒนาและปรับปรุงการจัดงานในอนาคต เพื่อให้การจัดการแข่งขันครั้งต่อไปไม่เพียงแต่สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงศักยภาพและความสามารถในการจัดการที่ยอดเยี่ยมของประเทศเจ้าภาพอีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่าการจัดการแข่งขันโอลิมปิกสามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาและเพิ่มรายได้ในระยะสั้น แต่อาจเกิดผลเสียตามมาในภายหลังหากการจัดการแข่งขันโอลิมปิกไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงทุนไป โดยเฉพาะกับประเทศที่มีสัดส่วนของหนี้สินสาธารณะต่อ GDP สูงอยู่แล้ว ซึ่งการกู้เงินมาจัดการแข่งขันกีฬาอาจเพิ่มสัดส่วนหนี้สินให้สูงมากขึ้น และกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ จนนำมาสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศกรีซ ดังนั้น ความสำเร็จของการจัดการแข่งขันขึ้นอยู่กับการวางแผนและการจัดการที่ดี โดยเฉพาะการวางแผนการใช้งบประมาณ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว

ที่มา : BBC , Olympic , L.A. times , Forbes , Theconversation , CSmonitor , Finance.yahoo , Pravda , Chinadaily , Bloomberg , wsj , gfmag , cfr

ติดตามผ่าน TikTok ได้ที่ : https://www.tiktok.com/@thebusinessplus
Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS