ตุรกีระงับเรือบรรทุกน้ำมันข้ามน่านน้ำ วิตกประกันไม่คุ้มครอง หลัง EU คว่ำบาตรรัสเซีย กูรูชี้ ส่อกระทบอุปทานตลาดพลังงานทั่วโลก

ดูเหมือนว่าปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จะยังคงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้มีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดพลังงานทั่วโลก เมื่อตุรกีสั่งระงับการเดินเรือบรรทุกน้ำมันดิบอย่างน้อย 20 ลำ ไม่ให้ข้ามน่านน้ำของประเทศ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยทางทะเล ซึ่งเกิดจากการที่สหภาพยุโรปได้มีการประกาศมาตรการคว่ำบาตร โดยห้ามไม่ให้เรือบรรทุกน้ำมันที่ขนส่งน้ำมันดิบของรัสเซียเข้าถึงการประกันภัยทางทะเลของยุโรป เว้นแต่จะขายน้ำมันในราคา 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือน้อยกว่า

 

จากข้อมูลพบว่า เรือบรรทุกน้ำมันจำนวน 20 ของคาซัคสถาน กำลังประสบปัญหาความล่าช้าในการเดินทางผ่านช่องแคบบอสฟอรัส ประเทศตุรกี อันเป็นผลมาจากมาตรการพิสูจน์การประกันใหม่ของตุรกีสำหรับเรือที่บรรทุกน้ำมันของรัสเซีย

 

โดยเจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกกล่าวโทษตุรกีที่ทำให้การขนส่งน้ำมันดิบจากทะเลดำหยุดชะงัก โดยระบุว่าไม่มีเหตุผลที่จะปิดกั้นการจราจรผ่านช่องแคบตุรกี เนื่องจากเรือบรรทุกน้ำมันดิบที่บรรทุกประมาณ 20 ลำ ทั้งหมดยกเว้นหนึ่งลำที่รอข้ามช่องแคบกำลังบรรทุกน้ำมันที่มีต้นกำเนิดจากคาซัคสถาน ซึ่งสินค้าเหล่านี้จะไม่อยู่ภายใต้การจำกัดราคาภายใต้สถานการณ์ใด ๆ และไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงสถานะของการประกันจากการขนส่งในคาซัคสถาน

 

ทั้งนี้ น้ำมันที่ผลิตในคาซัคสถานโดยบริษัทต่าง ๆ รวมถึง Chevron และ ExxonMobil จะถูกส่งออกทางท่อส่งน้ำมันข้ามรัสเซียไปยังท่าเรือบนชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย ซึ่งจะถูกบรรทุกขึ้นเรือบรรทุกน้ำมันสำหรับการเดินทางผ่านช่องแคบตุรกีไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้ถูกจำกัดภายใต้การคว่ำบาตรรัสเซียทางตะวันตก

 

ทางด้านตัวแทนจากตุรกีกล่าวว่าการจำกัดราคาของ G7 ได้เพิ่มความเสี่ยงของเรือที่ไม่มีประกันในน่านน้ำของตุรกี จึงจำเป็นต้องขอให้เรือบรรทุกน้ำมันดิบทุกลำที่ข้ามช่องแคบตุรกีพิสูจน์ว่ามีประกันที่ถูกต้องเพื่อครอบคลุมเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น น้ำมันรั่วไหลและการชนกัน

 

‘Wally Adeyemo’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้หารือเรื่องนี้กับ ‘Sedat Onal’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของตุรกีในวันพุธ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองเน้นย้ำถึงความสนใจร่วมกันในการรักษาตลาดพลังงานโลกให้มีอุปทานที่ดี โดยการสร้างระบอบการปฏิบัติตามอย่างง่ายที่จะอนุญาตให้น้ำมันจากทะเลผ่านช่องแคบตุรกี

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักร ระบุว่าสหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางการตุรกีเพื่อบรรลุข้อยุติ พร้อมทั้งกล่าวว่า “ไม่มีเหตุผลใดที่เรือจะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าช่องแคบบอสพอรัสเนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย”

 

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารในอุตสาหกรรมการเดินเรือกล่าวว่า แม้จะมีกลไกการจำกัดราคาซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้น้ำมันรัสเซียไหลต่อไปได้ แต่ความเสี่ยงของเรือในช่องแคบตุรกีที่ไม่มีประกันหรือมีประกันจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือน้อยกว่าก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ขณะที่รัสเซีย ระบุว่า จะไม่ขายน้ำมันให้กับผู้ซื้อใด ๆ ที่ต้องการร่วมมือกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน โดยรัสเซียได้ทำการรวบรวม ‘กองเรือเงา’ ของเรือเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและดำเนินการจัดส่งน้ำมันดิบไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น อินเดียและจีน เป็นต้น

 

อย่างไรก็ดี จากกรณีดังกล่าว ‘Andrew Lipow’ ประธานบริษัท ‘Lipow Oil Associates’ กล่าวว่า หากเกิดความล่าช้า โรงกลั่นจะหาวัสดุทดแทนจากประเทศอื่น หรืออาจลดกำลังการผลิตลง เนื่องจากไม่มีน้ำมันเพียงพอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกสัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

 

ที่มา : Financial Times, CNBC

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ตุรกี #เรือบรรทุกน้ำมัน #น้ำมัน #รัสเซีย #EU #คว่ำบาตรรัสเซีย #Oil