NSI นำสินประกันภัย ยกเครื่องแบรนด์ใหม่สู่ทศวรรษที่ 8

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เก่าแก่ที่อยู่ในธุรกิจประกันวินาศภัยมายาวนานถึง 71 ปี สำหรับบริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) แน่นอนว่า ในยุคที่โลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากทั้งเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้บริษัทเก่าแก่แห่งนี้ ประกาศยกเครื่อง “รีแบรนด์” ครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับโลกธุรกิจในปัจจุบัน

 กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ ให้เหตุผลในการรีแบรนด์ในครั้งนี้ เป็นเพราะ “นำสินประกันภัย” เป็นแบรนด์ที่มีอายุยาวนานถึง71 ปี แม้จะเติบโตมาอย่างมั่นคงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โครงสร้างและวิธีการบริโภคของลูกค้าก็มีความซับซ้อนและมีพฤติกรรมการเลือกใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไป

NSI นำสินประกันภัย จึงมีความจำเป็นต้องปรับตัวเปลี่ยนไปตามเทรนด์ของ Digital Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงธุรกิจโดยใช้ดิจิทัลมาเป็นหัวใจในการดำเนินงาน ต้องสร้างความแตกต่างของแบรนด์นำสินประกันภัยให้ต่างไปจากยุคเก่า โดยต้องรีแบรนด์แบบยกเครื่องทั้งองค์กร

โดยเริ่มตั้งแต่การกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ของแบรนด์ “นำสิน” โดยจะเน้นที่คุณค่าของการเป็น Better Partner Better Togetherที่ชัดเจนขึ้นคือการเป็นสมาร์ทพาร์ทเนอร์ที่จะต้องร่วมคิดร่วมทำ ร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ทั้งในส่วนคู่ค้าและลูกค้า เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจและการดำเนินชีวิตของทุกคนก้าวหน้าก้าวไกลไปด้วยกัน

“สิ่งแรกของการเปลี่ยนที่เห็นชัดเจนก่อนเลยคือการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ ที่ทันสมัยและสดใสขึ้น เพราะถือว่าเป็นหน้าต่างที่คนจะมองเห็นถึงภาพลักษณ์ของนำสินเป็นอันดับแรก”

วรวัจน์ อธิบายว่า ตราสัญลักษณ์ใหม่ พัฒนามาจากลักษณะของ “โล่” เรียกว่า “ชิลด์ ไอคอน” นำอักษรย่อ NSI เพิ่มขึ้นนำหน้าคำว่า ”นำสินประกันภัย” ส่วนสีประจำบริษัทจะยังคงเป็นโทนสีน้ำเงิน ที่สว่างสดใสขึ้นจากเดิม มีสีส้มเป็นสีรองที่บ่งบอกถึงความกระตือรือร้น ความรู้ความเชี่ยวชาญ ส่วนสีเทาหมายถึงมิตรภาพ ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการประณีประนอม ซึ่งความหมายของโลโก้โดยรวมจะมีความหมายว่า

“นำสินประกันภัยคือพันธมิตรที่คอยปกป้องคุ้มครองผู้ประกอบการและลูกค้าให้ได้รับความมั่นคงและบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพื่อให้ชีวิตดียิ่งขึ้นไปด้วยกัน”

อย่างไรก็ดี การรีแบรนด์ครั้งนี้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแค่โลโก้ และสีประจำบริษัท แต่เป็นการเปลี่ยนทั้งแนวคิด กระบวนการทางธุรกิจและทักษะการทำงานของบุคลากร เพื่อรองรับการเข้ามาของ InsurTech ที่อาจเข้ามา Disruption อุตสาหกรรมประกันภัยในยุค Thailand 4.0 ดังนั้นจึงมีแผนยุทธศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลง หรือ “โรดแมพ” ในการรีแบรนด์ NSI นำสินประกันภัยอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3ปีนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้สอดรับกับยุคสมัยจากเชิงรับเป็นเชิงรุก การปรับเปลี่ยนวิธีคิดวิธีการทำงานจากแบบ Silo หรือแยกส่วนฝ่ายใครฝ่ายมัน เป็นแบบ Cross Functional Team คือการสร้างทีมทำงานในแต่ละโครงการที่ตอบโจทย์แบรนด์ โดยนำความรู้ความสามารถของบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ มาระดมสมองสร้างสรรค์โครงการร่วมกันและผลักดันโครงการต่างๆ เหล่านั้นให้บรรลุผลสำเร็จตามแผนงาน ด้านทักษะความสามารถของพนักงานก็จะเน้นเสริมสร้างความรู้ความชำนาญในหน้าที่ และความรู้ในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพด้านการประกันภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ และการประกันภัยขนส่ง เป็นต้น

สำหรับเทคโนโลยีประกันภัย หรือ InsurTech ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คนไทยในยุคนี้เข้าถึงการประกันภัยมากขึ้น จากเดิมลูกค้าอาจมีความยุ่งยากในการจ่ายเบี้ยประกันภัย รวมไปถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจและตนเอง การรีแบรนด์ครั้งนี้ คณะผู้บริหาร NSI นำสินประกันภัย มีแผนนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาประสิทธิภาพและรูปแบบธุรกิจประกันภัยด้วยเช่นกัน นอกจากนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินกิจการแล้วยังจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการคู่ค้าและลูกค้า เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นแจ้งเคลมผ่านมือถือ ขยายช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์ และการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ รวมทั้งการตอบข้อซักถามและรับเรื่องร้องเรียนผ่านแชทบอท เป็นต้น

ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมานั้น สมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ นำสินประกันภัย ให้ข้อมูลว่า ปี 2561 บริษัทฯมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,038 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นประกันภัยรถยนต์ 1,409 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 30 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 26 ล้านบาท และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและอื่นๆ 573 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าว จะเห็นว่าบริษัทฯยังคงมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงที่สุดคืออยู่ที่ 69% หรือเท่ากับ 1,409 ล้านบาท มีประกันภัยประเภทไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) อยู่ที่31% หรือเท่ากับ 629 ล้านบาท หากเปรียบเทียบพอร์ตระหว่างรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์กับรถยนต์ส่วนบุคคลมีสัดส่วนอยู่ที่ 68% ต่อ 32% ซึ่งหมายความว่าธุรกิจหลักของ NSI นำสินประกันภัยยังคงมุ่งเน้นที่ รถใหญ่ หรือรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกำไรในปีที่ผ่านมาเพียง 98 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีที่มีการแข่งขันเรื่องอัตราเบี้ยประกันค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ดีบริษัทฯก็ยังมีความมั่นคงอยู่มากจะเห็นได้ว่ามีค่า CAR ( Capital Adequacy Ratio)ซึ่งเป็นตัวเลขสัดส่วนของอัตราสินทรัพย์เสี่ยงต่อเงินกองทุนสูงถึง 498.39 หรือเกือบ 4 เท่าของอัตราที่ คปภ.กำหนด (คปภ.กำหนดสัดส่วนต้องไม่ต่ำกว่า 140) ขณะเดียวกันมีสินทรัพย์รวมในปีที่ผ่านมาสูงถึง 3,613 ล้านบาท จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าผู้ถือกรมธรรม์ของ NSI นำสินประกันภัยทุกราย จะได้รับความคุ้มครองด้วยความมั่นคงปลอดภัยอย่างแน่นอน

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2562 ตั้งเป้าหมายผลิตผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,330 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 12% โดยจะพยายามปรับพอร์ตธุรกิจประกันภัยรถยนต์ลงมาอยู่ในสัดส่วน 64% ส่วนธุรกิจการประกันภัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์จะอยู่ที่ 36%

ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักของธุรกิจประกันภัยรถยนต์ จะเน้นที่กรมธรรม์รถบรรทุก และรถเก๋งขนาดใหญ่กว่า 2,000 ซีซี เป็นหลักเช่นเดิม เพราะถือว่าเป็นความถนัดและเป็นความเชี่ยวชาญของนำสินประกันภัย

“การรีแบรนด์ในครั้งนี้ก็จะมีสินค้าและบริการใหม่ๆ ทั้งก่อนการขายและหลังการขายมาตอบโจทย์ลูกค้าอย่างถูกใจและใหม่ขึ้น โดยทั้งหมดจะเน้นให้สอดรับกับคุณค่าของแบรนด์ที่เราตั้งใจส่งมอบให้ลูกค้าและคู่ค้าคือการเป็น Better Partner Better Together ที่เราพร้อมจะก้าวไกลไปด้วยกันในยุค 4.0 และคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ NSI ประกันภัย เพื่อให้ลูกค้าจดจำชื่อได้ง่ายขึ้นด้วย” สมบุญ กล่าวในที่สุด