‘Netflix’ หุ้นพุ่งกว่า 14% หลังรายได้ Q3 โตเกินคาด รับสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.41 ล้านคน

ในยุคที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่กับโซเชียลมีเดียและอุปกรณ์เทคโนโลยีแทบจะตลอดเวลา ทั้งในแง่ของการทำงาน หรือกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้ช่วงเวลาไปกับกิจกรรมสันทนาการ ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง หรือพูดคุยกับผู้คน ล้วนแล้วแต่มีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น และด้วยกิจกรรมเหล่านี้ จึงนำมาซึ่งผู้ให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร หรือการเป็นผู้ให้บริการที่รวบรวมความบันเทิงในด้านต่าง ๆ เอาไว้ให้เราได้เลือกใช้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล

 

ซึ่งรวมไปถึงผู้ให้บริการด้านความบันเทิงรายใหญ่อย่าง ‘Netflix’ ที่มีความโดดเด่นในด้านการเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงที่นำเสนอความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ทั้งรายการทีวี ภาพยนตร์ อนิเมะ หรือแม้แต่สารคดี ในรูปแบบของการสมัครสมาชิก ซึ่ง ‘Netflix’ ถือเป็นผู้ให้บริการด้านความบันเทิงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีฐานสมาชิกทั่วโลกรวมกันมากกว่า 200 ล้านราย

 

ในด้านของผลประกอบการ ‘Netflix’ ก็ถือว่ามีความโดดเด่นเช่นกัน โดยล่าสุดในการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2565 พบว่า ‘Netflix’ มีรายได้อยู่ที่ 7.93 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 ซึ่งถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของ ‘Wall Street’ ที่ระดับ 7.84 พันล้านดอลลาร์

 

โดย ‘Netflix’ ระบุว่า ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 2.41 ล้านราย ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนกันยายน ‘Netflix’ มีสมาชิกรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 223.1 ล้านคนทั่วโลก จากปี 2564 มีสมาชิกทั้งสิ้น 219.7 ล้านคน

 

อย่างไรก็ดี ภายหลังการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ออกมา ส่งผลให้ราคาหุ้นของ ‘Netflix’ เมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.65) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 14% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

 

สำหรับผลประกอบการณ์ในไตรมาส 4 นี้ ‘Netflix’ คาดว่าจะมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4.5 ล้านราย และคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์

 

นอกจากนี้ ‘Netflix’ ได้เปิดเผยกลยุทธ์ด้านราคาในการสมัครสมาชิกเพิ่มเติม โดยจะเปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถสมัครสมาชิกในระดับ ‘Basic’ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 6.99 ดอลลาร์/เดือน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี เม็กซิโก สเปน และ อังกฤษ

 

สำหรับการสมัครสมาชิกระดับ ‘Basic’ นี้ ‘Netflix’ ได้ร่วมมือกับ ‘Microsoft’ ในการแสดงโฆษณาต่อผู้ใช้บริการ โดยโฆษณาจะมีระยะเวลาตั้งแต่ 15-30 วินาที และในระดับใหม่นี้ สมาชิกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงไลบรารีทั้งหมดของ ‘Netflix’ แต่จะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากข้อจำกัดด้านใบอนุญาต นอกจากนี้ สมาชิกจะไม่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ได้ รวมถึงสามารถดูได้เฉพาะเนื้อหาในรูปแบบ HD เท่านั้น (ระดับพรีเมียมสามารถรับชมได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K Ultra HD) อย่างไรก็ดี ‘Netflix’ ยังคงเปิดให้สมัครสมาชิกแบบไม่มีโฆษณาเช่นเดิมด้วยเช่นกัน โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน และระดับสูงสุด ซึ่งจะสามารถรับชมที่ความละเอียดระดับสูงสุดได้ในราคา 19.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

 

โดยการเพิ่มระบบสมาชิกระดับ ‘Basic’ นี้ มีขึ้นเพื่อผลักดันให้ผู้ใช้บริการหันมาสมัครสมาชิกอย่างถูกต้อง หลังช่วงต้นปีที่ผ่านมา ‘Netflix’ เปิดเผยว่า บริษัทสูญเสียสมาชิกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยจำนวนสมาชิกของบริษัทลดลงอีก 1.3 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และ 1 ล้านคนทั่วโลกในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการแชร์รหัสผ่านของสมาชิกร่วมกับบุคคอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าบริการ

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

 

ที่มา : CNBC, variety, The New York Times, theverge, demandsage

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus