‘เมืองไทยประกันชีวิต’ กับกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าแบบ Personalized สู่อีกขั้นของบริษัทประกัน

‘เมืองไทยประกันชีวิต’ เป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตที่โดดเด่นเรื่องการเจาะกลุ่มลูกค้าแบบ Personalized ซึ่งเห็นได้จากการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ บริการ รวมถึงคอนเทนต์ทางการตลาดที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

คุณสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการยอดขายในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะเติบโตตามเป้าหมาย โดยคาดการณ์ว่าเบี้ยรับรวมของบริษัทฯ  ในช่วงสิ้นปี 2566 จะสูงกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเมืองไทยประกันชีวิตที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง ที่มาจากเทรนด์ปัจจุบันที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และส่วนหนึ่งมาจากความต้องการในการบริหารค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาค่าพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

ในด้านความแข็งแกร่งและเสถียรภาพทางด้านการเงินของเมืองไทยประกันชีวิต คุณสาระกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio: CAR) ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 300% ซึ่งสูงกว่าระดับที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ที่ 140% ซึ่งมาจากการที่บริษัทฯ จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี ทั้งเรื่องการลงทุน และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช่และมีความโดดเด่น

โดยในเรื่องของการลงทุน บริษัทฯ มีการลงทุนนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เพื่อสร้างและต่อยอดนวัตกรรมสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ตลอดจนเพื่อประยุกต์ใช้กับการขับเคลื่อนธุรกิจให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ มีการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากหลากหลายธุรกิจ (Preferred Partner) เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างแท้จริง (Democratizing Insurance) และเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านผลการดำเนินงานให้กับบริษัทฯ

ทั้งนี้ หากพูดถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเมืองไทยประกันชีวิตที่มีความโดดเด่นและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า คุณสาระ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสุขภาพและโรคร้ายแรง และผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญ เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและเกี่ยวข้องกับเทรนด์หรือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น เทรนด์การดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพ และสังคมสูงวัย (Aged Society)

ขณะที่ประกันควบการลงทุนอย่างยูนิตลิงค์ (Unit Linked) และยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) ก็ยังได้รับความนิยม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองชีวิต กับกองทุนรวมที่ให้โอกาสรับผลตอบแทน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการวางแผนการเงินระยะยาว

ในขณะเดียวกัน เมืองไทยประกันชีวิตมีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการสร้างคอนเทนต์การตลาดที่ทุกกลุ่มเป้าหมายจะต้องให้ความสนใจ โดยบริษัทฯ จะมีการศึกษารวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของคนแต่ละกลุ่มในเรื่องพฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ และทัศนคติ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าคอนเทนต์การตลาดที่ปล่อยออกไปนั้นเป็นคอนเทนต์ที่ใช่สำหรับลูกค้า ที่สามารถเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี

“บริษัทฯ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพให้ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มที่แท้จริงแบบ Outside In มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมพัฒนาและผสมผสานรูปแบบของการบริการทั้งเรื่องของนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีใหม่ ผ่านแอปพลิเคชันและเครื่องมือดิจิทัลที่ล้ำสมัย ระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติ (Robotic Process Automation หรือ RPA) และทีมสนับสนุนที่มีความเชี่ยวชาญและพร้อมให้คำแนะนำช่วยเหลือเป็นอย่างดี” คุณสาระกล่าว

ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิตมีการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านสุขภาพ “MTL Fit” ที่จะช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ “ง่าย” และ “สนุก” มากขึ้น และช่วยผู้ใช้แอปพลิเคชันเข้าใจสุขภาพตัวเองได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจด้านนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพที่ครบวงจร (Wellness Society) และมีการเชื่อมต่อการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมและทำให้ทุกคนได้สนุกกับการดูแลสุขภาพ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การแข่งขันแบบทีม (Team Challenge) เพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมของการดูแลสุขภาพ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าเมืองไทยประกันชีวิตจะมีการนำนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีใหม่มาใช้ แต่ก็ยังให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการยกระดับทักษะและความรู้ของบุคลากรทุกระดับ ทั้งตัวแทน พนักงาน และผู้บริหารให้สามารถปรับตัวและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง เพราะทั้งคนและเทคโนโลยีจะต้องพัฒนาไปด้วยกัน เพื่อให้บริษัทฯ มีความมั่นคงและยั่งยืน ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้าได้ด้วยดีอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คุณสาระ กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิตจะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะเป็น “อันดับหนึ่งในฐานะคู่คิดด้านชีวิตและสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ (No.1 Most Trusted Life & Health Partner)”

ดังนั้น ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า “เมืองไทยประกันชีวิต” ได้ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย (Personalized) และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ “เมืองไทยประกันชีวิต” สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน ในทุกวันนี้

 

เขียนและเรียบเรียง : ศิริวรรณ อรรถสุวรรณ
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS