สาระ ล่ำซำ ผู้นำ ‘เมืองไทยประกันชีวิต’ สู่ความยั่งยืน

“เราเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ จึงต้องดูแลคนของเรา เสมือนเป็น Ambassador ของเรา เพราะถ้าดูแลคนของเราและตัวเองได้ไม่ดีพอ ก็คงไม่สามารถดูแลคนอื่นได้”

 

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับต้น ๆ ในประเทศไทยที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างยั่งยืน มีฐานะการเงินอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อมั่นไว้วางใจและอยู่ในธุรกิจประกันชีวิตมาแล้ว 72 ปี จึงถือได้ว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้มาจาก แนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจของเมืองไทยประกันชีวิตที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดความยั่งยืน

 

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตสามารถก้าวผ่านทุกวิกฤตและความท้าทายมาจนถึงปัจจุบันนั้น มาจากการหมั่นวางแผนรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยดีอยู่เสมอ ด้วยการเตรียมพร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงและมองหาโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ บนความท้าทายอยู่เสมอ ภายใต้การบริหารโดยคุณสาระ ล่ำซำ

 

หนึ่งในข้อคิดและกลยุทธ์ที่ Business+ ได้รับรู้มาโดยตลอดจากการสัมภาษณ์คุณสาระในช่วงที่ผ่านมา คือ “การคิดแบบ Outside In” ที่จัดว่าเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจด้วยการรับฟังเสียงและความคิดเห็นจากลูกค้าเป็นหลัก แล้วนำข้อมูล Insight ที่ได้มาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตมีการเติบโตที่ยั่งยืน เพราะเป็นวิธีที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจโดยมุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้จริง

 

คุณสาระ เล่าให้ Business+ ว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดของเมืองไทยประกันชีวิต คือ “ความยั่งยืน” เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตเป็นเรื่องของการดูแลให้ความคุ้มครองลูกค้าในระยะยาว ตามที่ระบุไว้ในสัญญาของกรมธรรม์ประกันชีวิต ประกันคุ้มครองสุขภาพ หรือประกันอุบัติเหตุที่ผู้เอาประกันภัยถืออยู่ ดังนั้นธุรกิจจะต้องมีความยั่งยืนได้ด้วยตัวเองก่อน ถึงจะมั่นใจได้ว่าสามารถดูแลและให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยได้ตามที่ระบุไว้ในสัญญาได้อย่างครบถ้วน

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้เมืองไทยประกันชีวิตมีการจัดตั้งโครงการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถเตรียมพร้อมและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ ไม่ว่าสังคมหรือเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การออกแบบผลิตภัณฑ์ของเมืองไทยประกันชีวิตที่จะออกมานำเสนอให้ลูกค้านั้น จะต้องมีการพิจารณาตามความเป็นจริงถึงความพร้อมขององค์กร การเชื่อมต่อกับพันธมิตร (Ecosystem) เป็นหลัก รวมถึงผลที่อาจเกิดขึ้นให้รอบด้าน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ MTL สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการและสามารถดูแลลูกค้าได้ทุกช่วงของชีวิต

 

นอกจากนี้ คุณสาระได้กล่าวเสริมว่า เมืองไทยประกันชีวิต มีการติดตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสามารถรู้เท่าทันและคาดการณ์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบัน เมืองไทยประกันชีวิตได้มีโครงการใหม่ ๆ ที่ให้ความสำคัญกับโครงสร้างประชากรของประเทศไทยที่ปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยมีการใช้กลยุทธ์ที่ชื่อว่า “SILVER Readiness by MTL” (S=Solution I=Integration L=Longevity V=Value Added E=Excellence R=Readiness) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์อย่างรอบด้านบนความต้องการที่หลากหลายเพื่อการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุยุคใหม่ (Silver Age) ให้มีความสุขและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ด้วยการช่วยเพิ่มความอุ่นใจและเติมเต็มชีวิตสมาร์ทของวัยซิลเวอร์อย่างครบถ้วน ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตร ที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้ชีวิต (Ecosystem Partner) และสามารถดูแลลูกค้าครบวงจร

 

ปัจจุบัน เมืองไทยประกันชีวิตได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพที่สามารถตอบโจทย์และช่วยขจัดความกังวลของผู้สูงวัยขึ้นมาโดยเฉพาะ ได้แก่ “โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์” และ “โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส” ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยการเลือกความคุ้มครองได้ตรงใจลูกค้า และเหมาะกับผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองโรคสมองเสื่อม ชนิดอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตันที่มักพบในผู้สูงอายุ จึงถือได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้มีส่วนช่วยสร้างสังคมไทยให้มีความยั่งยืนมากขึ้น

 

นอกจากนี้ อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ คุณสาระตั้งเป้าหมายเมืองไทยประกันชีวิต เป็นองค์กรน่าอยู่และองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นให้พนักงานทุกระดับมีการเสริมและพัฒนาทักษะให้รอบด้าน ตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์รวมของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถในหลากหลายมิติ ซึ่งล้วนเกิดจากการดูแลคนในองค์กรให้ดี เปรียบเสมือน Ambassador ของเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อมุ่งหวังให้เกิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์บริการ และประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น

 

รวมถึงการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัยและก้าวทันโลกที่เกิดความท้าทายขึ้นตลอดเวลา พร้อมเปิดกว้างรับคนรุ่นใหม่มาร่วมขับเคลื่อนองค์กรสู่โลกยุคดิจิทัล (New Talent) ในขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจตามหลักการ ESG ที่จะต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบในด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) การจัดการด้านสังคม (Social) และการจัดการด้านธรรมาภิบาล (Governance)

 

ด้วยกลยุทธ์และแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และการบริหารองค์กรที่มุ่งเน้นให้เกิดความยั่งยืนที่กล่าวไปข้างต้น จึงทำให้ในปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีความสำเร็จที่คุณสาระ ล่ำซำ ได้รับรางวัล BUSINESS+ THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023 ในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS