ทำไมยาง MICHELIN PRIMACY 4 ผลิตภัณฑ์จาก ‘มิชลิน’ ถึงถูกใจผู้บริโภคทุกยุคทุกสมัย!!

ยางรถยนต์ MICHELIN PRIMACY 4 จาก ‘มิชลิน’ ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจ และสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งด้านนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมไปถึงความใส่ใจในแง่ของการพัฒนาคุณภาพ และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่มาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ ‘มิชลิน’ ถูกนึกถึงในระดับโลก และยากที่คู่แข่งจะตามทัน

สาเหตุที่ทำให้ MICHELIN PRIMACY 4 ยังสามารถเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2561 และยังสามารถครองใจผู้บริโภคมาได้ต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการให้ความสำคัญในแง่ของคุณภาพสินค้าของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ซึ่งมิชลินได้พัฒนานวัตกรรมและนำมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบความปลอดภัยและสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการขับขี่ให้กับผู้บริโภค

คุณวิเนต องค์เนกนันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2C ประเทศไทย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวกับเราว่า ยาง MICHELIN PRIMACY 4 เป็นยางสำหรับรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลทั่วไปที่โดดเด่นในเรื่องของความนุ่ม เงียบ และความปลอดภัย โดยมิชลินได้ออกแบบให้ยางมีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยสูง ส่งผลให้ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เปลี่ยนรอบถัดไป

สำหรับจุดเด่นของยาง MICHELIN PRIMACY 4 อยู่ตรงคอนเซปต์ที่ว่า “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” ด้วย 2 จุดแข็งหลักที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ครองใจผู้บริโภคยาวนาน คือ

• ยางระดับพรีเมียมเพื่อการขับที่ที่ปลอดภัย และเป็นที่สุดของความนุ่มเงียบ
โดยยาง MICHELIN PRIMACY 4 ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่นุ่มสบาย และมีความนุ่มเงียบตามแบบฉบับมิชลิน โดยมิชลินจะพัฒนาและเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในระดับ World Class อยู่เสมอ

• เบรกสั้น มั่นใจ ปลอดภัยตั้งแต่วันแรกที่ใช้ จนถึงวันที่เปลี่ยนรอบถัดไป
จากผลการทดสอบของสถาบันที่เป็นกลางและได้รับการยอมรับ พบว่า ยาง MICHELIN PRIMACY 4 มีระยะเบรกที่สั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์อื่น ๆ สูงถึง 2.5 เมตร และหากเป็นยางที่ถูกใช้ไปแล้วจนใกล้ถึงรอบเปลี่ยนยาง ก็ยังมีระยะเบรกที่สั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์อื่น ๆ ถึง 5.1 เมตร

“MICHELIN PRIMACY 4 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสมรรถนะด้านความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะการเบรกบนพื้นเปียก ซึ่งเราได้ทำการทดสอบและพิสูจน์ได้ด้วยข้อมูลจริงว่า เมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางหมดดอก MICHELIN PRIMACY 4 จะสามารถเบรกได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยยางคู่แข่งชั้นนำ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ยางรุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีและประสบความสำเร็จมาก ๆ” คุณวิเนต กล่าว

Key Success Factors สู่ความสำเร็จด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์
เมื่อถามถึงปัจจัยสู่ความสำเร็จด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ คุณวิเนต กล่าวว่า มี 2 ปัจจัยที่ทำให้มิชลินประสบความสำเร็จคือ
1. มิชลินจะตรวจสอบสมรรถนะของยางที่ถูกทิ้ง เพื่อสำรวจว่ายางถูกเปลี่ยนออกด้วยสาเหตุอะไร และมีความเสียหายอย่างไร และนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากตรวจสอบพบว่ายางที่ถูกทิ้งอาจจะสึกเร็วเกินไป ทางมิชลินก็จะนำข้อบกพร่องเหล่านี้มาปรับปรุงให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

2. ตรวจสอบ Feedback จากลูกค้าในแง่ของการใช้งาน ทั้งช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึงตรวจสอบ Feedback จากตัวแทนจำหน่าย และเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ๆ

“การตรวจสอบจากผู้ใช้งานจริงจะทำให้เราได้รับข้อมูลจากประสบการณ์ตรง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ตรงจุดมากขึ้น ยกตัวอย่าง ยาง MICHELIN PRIMACY 4 ซึ่งถูกพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นจาก MICHELIN PRIMACY 3 หลังจากที่เราได้รับ Feedback จากลูกค้าว่ายางสึกหรอเร็วกว่าผลิตภัณฑ์อื่น เราจึงนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงสมรรถนะต้านการสึกหรอได้ดีขึ้นและเสริมประสิทธิภาพให้ปลอดภัย มั่นใจจนถึงวันที่เปลี่ยนรอบถัดไป”

ความใส่ใจด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง รวมถึงการเปิดรับความคิดเห็นและความต้องการของตลาดโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค และความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์จากมิชลินได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ที่มา : สัมภาษณ์บริษัท สยามมิชลิน จํากัด

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #สยามมิชลิน #ตลาดยาง #ยางรถยนต์ #อุตสาหกรรมยาง