ส่องเทรนด์ขนมมาแรงของวัยรุ่นเมกา พร้อมรสชาติที่จะได้รับความนิยมในปี 66

การรับประทานของหวานเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยคลายเครียด เพราะการได้รับความหวานจากน้ำตาลมีส่วนช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนโดรฟินที่ทำให้คนอารมณ์ดี ซึ่งเทรนด์สำหรับขนมขบเคี้ยวของโลกในปี 2565 มีการเติบโตที่สดใสยาวไปจนถึงปี 2566

โดยเฉพาะตลาดขนมคบเคี้ยวในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบข้อมูลว่าชาวอเมริกันบริโภคขนมคบเคี้ยวเพิ่มมากขึ้นจากปี 2564 ถึง15% ซึ่ง International Food Information Council (IFIC) หรือหน่วยงานที่มีเป้าหมายในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพ อนามัยและโภชนาการของสหรัฐฯ พบว่า ในปัจจุบัน 3 ใน 4 ของชาวอเมริกันบริโภคขนมคบเคี้ยวสูงถึงอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง โดย 73% มองว่าการรับประทานขนมจะสามารถช่วยลดความเครียดได้

จากการสำรวจพบว่า ผู้ที่รู้สึกเครียดมากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 29% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มีแนวโน้มที่จะรับประทานขนมสูงถึงอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน

ทั้งนี้ ประเภทของอาหารว่างที่ผู้บริโภคชาวเมริกันเลือกรับประทานในแต่ละช่วงเวลาของวันจะแตกต่างกัน โดยในช่วงเช้า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (43%) จะเลือกทานผลไม้เป็นของว่าง และสำหรับในช่วงเย็น ชาวอเมริกันจะเลือกรับประทานขนมกรุบกรอบที่มีรสชาติ (40%) ลูกกวาด และช็อกโกแลต (38%) ตามด้วยคุกกี้เค้กและไอศกรีม (37%)

นอกจากนี้ จากข้อมูลยอดขายของสินค้าประเภทขนมเฉพาะในช่วง 10 เดือนแรก
ของปี 2565 ยังพบว่า ยอดขายของขนมคบเคี้ยวในสหรัฐฯ นั้น อยู่ที่ประมาณ 44,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 แล้วถึง 11.4% ซึ่งแซงยอดขายอาหารและเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทของขนม พบว่าขนมกรุบกรอบรสเค็ม (Salty Snack) เช่น มันฝรั่งทอด เพรทเซล และป๊อปคอร์นพร้อมรับประทาน มียอดขายมากที่สุด อยู่ที่ 26,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 59.3% ของยอดขายขนมทุกประเภท และตามมาด้วย ขนมประเภทคุกกี้ มียอดขายในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 8,400ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 18.6% ของยอดขายขนมทุกประเภท

และขนมคบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 3 คือ ขนมประเภทแครกเกอร์ มียอดขายอยู่ที่ 6,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีสัดส่วนยอดขายเทียบกับขนมทุกประเภทประมาณ15.3% สำหรับขนมประเภทกราโนล่าบาร์ มียอดขายในช่วง 10 เดือนแรงจะมาเป็นอันดับที่ 4 อยู่ที่ 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีสัดส่วนยอดขาย 12.9%

จากงานวิจัยผู้บริโภคชาวอเมริกัน 2,400 คน เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 โดยบริษัท Frito-Lay บริษัทผลิตขนมรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งผลิตขนมแบรนด์กรุบกรอบแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่นิยมในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น เลย์ ชีโตส และโดริโทส เพื่อค้นหาเทรนด์ขนมที่ชาวอเมริกันชื่นชอบและให้ความสำคัญในปัจจุบัน จากการสำรวจ พบว่า สิ่งที่ผู้บริโภคชาวเมริกันให้ความสำคัญและมีผลต่อการซื้อมากที่สุด 5 ข้อได้แก่
1. รสชาติ (35%)
2. รีวิวและคำแนะนำจากเพื่อน (28%)
3. แบรนด์เป็นที่รู้จัก (21%)
4. แพคเกจจิ้ง (9%)
5. การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (7%)

นอกจากนี้ รสขาติที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมาแรงในปี 2566 ยังได้แก่ รสชาติที่แสดงถึง Street Food โดยรสขาติ Street Food Mexican เช่น ข้าวโพดย่างราดด้วยมายองเนส ชีส cotija พริก มะนาว และผักชีได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้เมื่อปีที่ผ่านมา PepsiCo ได้เปิดตัว Mexican Street Corn Cheetos และ
ฤดูร้อนนี้Kellogg ก็ตามเทรนด์ด้วยการเปิดตัว Pringles Mexican Street Corn
Crisps ซึ่งล้วนขายดีในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังพบว่า รสขาติ Street Food ที่มีความ
ผสมผสานของมะม่วงและพริกของอินเดีย เช่น รส Chaat Masala ก็เริ่มที่จะได้รับ
ความนิยมในสหรัฐฯ เช่นกัน

ที่มา : IFC/T.HASEGAWA/ Frito-Lay/ Candy&Snack Today ,สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
.
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ขนมคบเคี้ยว