MASTER เดินเกมรุกเน้นโตแบบ Organic และ Inorganic ผนึกกำลัง KIN Corp. ติดอาวุธการตลาด ทั้งสื่อโฆษณาออฟไลน์-ออนไลน์

MASTER เดินเกมรุกเน้นโตแบบ Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์ Merger and Partnership (M&P) ล่าสุดผนึกกำลัง KIN Corp. ผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณาออฟไลน์และออนไลน์ ปูพรมขยายช่องทางการตลาด เพิ่มขีดความสามารถธุรกิจรองรับการแข่งขัน พร้อมส่องภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ชูสื่อนอกบ้าน-สื่อการเดินทาง รอบ 7 เดือนปี 66 เม็ดเงินโฆษณาโต 23% อยู่ที่ 9,032 ล้านบาท เชื่อธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

  

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรชั้นนำของไทย ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช: Masterpiece Hospital” เปิดเผยถึงแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ โดยวางหลักเกณฑ์ 3 เรื่องในการเข้าพิจารณาลงทุนกับพาร์ตเนอร์ ได้แก่ 1. ซื้อกิจการหรือธุรกิจที่มีเจ้าของเดิมยังบริหารต่อและต้องการเติบโตไปด้วยกัน  2. เป็นกิจการหรือธุรกิจท้องถิ่น มีชื่อเสียง และความสัมพันธ์ที่ดีต่อพื้นที่นั้นๆ และ 3. มีการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างธุรกิจกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

โดยล่าสุดบริษัทลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( KIN Corp.) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 400,000 หุ้น หรือ 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 400 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้เงินเพื่อไปใช้ในการขยายกิจการ และคาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567

สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของ MASTER เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงทีมผู้บริหาร นำโดย นายภาคิน วณิชภิรมย์ มีแผนธุรกิจอย่างชัดเจน แต่เดิมเน้นทำการตลาดกลุ่มลูกค้า Real Estate เป็นหลัก จึงมองเห็นโอกาสในการขยายเข้าสู่ตลาดกลุ่ม Health Care ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

“การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ทำให้สามารถเพิ่มรายได้และยังสร้างประโยชน์ทางธุรกิจให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต พร้อมเปิดโอกาสการเติบโตในตลาดวงการศัลยกรรม ด้วยศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จากการที่ KIN Corp. มีเครือข่ายและทำเลที่ตั้งโฆษณาครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ไปจนถึงต่างจังหวัดทั่วไทย ถือเป็นแต้มต่อทางธุรกิจที่สำคัญ ซึ่ง KIN Corp. มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มีความต้องการด้านสื่อโฆษณาสูง ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยงานบริการด้านต่างๆ กับกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER  กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าถือหุ้น KIN Corp. เสร็จสมบูรณ์ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ พร้อมให้การสนับสนุน KIN Corp. ในทุกๆ ด้าน โดยคาดว่า      KIN Corp. เริ่มสร้างผลกำไรให้ MASTER ได้ในไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป และจะรับรู้กำไรเข้าเต็มปี 2567 เป็นปีแรก

นายภาคิน วณิชภิรมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (KIN Corp.)    ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ MASTER เห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน จนเกิดข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าว

“นอกจากสิ่งที่สัมผัสได้จากการแลกเปลี่ยนมุมมองในการทำธุรกิจแล้ว ผมมองว่า MASTER มีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร  ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับ KIN Corp. เพราะแนวทางการดึงศักยภาพของคนในองค์กร นำมาใช้ในเรื่องการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงความเข้าใจในเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้เพิ่มจากทีม MASTER” นายภาคิน กล่าว

ด้านภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์ Covid -19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยอ้างอิงจากรายงาน “นีลเส็น” (Nielsen) ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณา (Media Spending) ช่วง 7 เดือนแรก ปี 2566 มีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าอยู่ที่ 65,093 ล้านบาท แบ่งเป็น สื่อทีวี      ยังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุด อยู่ที่ 57% คิดเป็นมูลค่า 34,483 ล้านบาท

รองลงมาเป็นสื่อดิจิทัล เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% มูลค่าอยู่ที่ 16,031 ล้านบาท และตามมาด้วยสื่อนอกบ้าน และสื่อการเดินทาง เม็ดเงินโฆษณาโต 23% มูลค่าอยู่ที่ 9,032 ล้านบาท ดังนั้น KIN เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา เพราะด้วยโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ลูกค้าต่างมองหาวิธีที่จะทำให้แบรนด์ของตนเองโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนในการโฆษณา การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ หรือการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เป้าหมายสูงสุด คือ การเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไป บริษัทวางแผนขยายตลาดในกลุ่ม Medical และกลุ่ม Health Care ที่ต้องการบริษัทผลิตสื่อที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือกลุ่ม Out of Home Media ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่     KIN Corp. สนใจ จากเดิมที่ KIN Corp. มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม Real Estate ซึ่งบริหารโครงการอยู่ประมาณ 250 โครงการ แบ่งเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม

ส่วนช่วงที่เหลือของปี 2566 ของ MASTER มีโอกาสร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหม่อย่างน้อยอีก 3 ราย โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน นับตั้งแต่ต้นปี 2566 บริษัทเข้าไปลงทุนกิจการคลินิกเสริมความงาม ภายใต้ชื่อ “WIND Clinic” ด้วยการเข้าลงทุน 40% รวมถึงลงทุนใน ” Rattinan Medical Center” ถือหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 36% และบริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 40%

ทีนี้มาดูมุมมองของ คุณภาคิน วณิชภิรมย์ กันบ้าง โดยคุณภาคิน กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ว่า “ตอนเรียนชั้นมัธยมต้น ผมสังเกตเห็นคนแถวบ้านเอาแชมพูยี่ห้อหนึ่งมาล้างรถ เลยเกิดไอเดียและเริ่มคิดผลิตแชมพูล้างรถด้วยสูตรที่ตนเองคิดขึ้น กรอกใส่ขวดขาย เอาไปฝากร้านโชห่วย ได้กำไรไม่มากครับแต่เป็นความภูมิใจที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเองครั้งแรก”

ซึ่งภาคินถ่อมตัวว่าไม่ใช่คนเรียนหนังสือเก่ง แต่ชัดเจนในตัวเอง และเลือกทางเดินชีวิตด้วยการเลือกเรียนสายวิชาชีพ แน่นอน, เขาเลือกทางเดินถูก

“ผมมีความมุ่งมั่นเดินตามเป้าหมาย โดยตั้งใจเรียนสายอาชีพ และเลือกเรียนด้านการขาย การตลาด เพราะงานขายเปรียบเสมือนพ่อบ้าน มีหน้าที่หาเงินเข้าบ้าน โดยที่บ้าน ทั้งพ่อและแม่ปลูกฝังผมมาตั้งแต่เด็กในเรื่องการค้าขาย

“หลังเรียนจบ ม.3 ผมเลือกเรียนต่อระดับ ปวช. และ ปวส. สายการขาย ที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตบพิตรมุข จักรวรรดิ์ และเรียนต่อระดับปริญญาตรี และโท MBA การตลาด ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง”

ชายหนุ่มมีมุมมองในเรื่องความสำเร็จชัดเจน โดยเขามุ่งมั่นสร้างสมมันมาโดยตลอด

“ผมถูกปลูกฝังให้ขยัน อดทน มาตั้งแต่เด็ก ถ้าเราอยากสบายในอนาคต ต้องใช้สมองมากกว่าแรงงาน ฉะนั้นอะไรล่ะ คือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา นั่นคือ ‘โอกาส’ ถ้าอยากมีโอกาสมากกว่าคนอื่น แม้จะเรียนหนังสือไม่เก่ง เราก็ต้องมีประสบการณ์มากกว่าใครเขา สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมผมมาตั้งแต่เด็ก มันทำให้ผมมีความขยัน และอดทนเป็นพื้นฐาน กับเชื่อว่าหากเราขยันและอดทนได้มาก ไม่ว่าทำอะไรก็สามารถเติบโตและประสบผลสำเร็จได้ทุกเมื่อ”

ภาคินเลือกเรียนต่อปริญญาตรี ภาคค่ำ ควบคู่ไปกับการเริ่มต้นทำงานในตำแหน่ง Sale Representative ที่ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ในแผนกยา เขาเล่าย้อนประสบการณ์ทำงานครั้งแรกให้ฟังว่า

“หัวหน้างานในสมัยนั้นถามผมว่า เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าผมจะขายของได้ เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องยา ผมตอบไปด้วยความอยากได้งานว่า สำหรับผม ผมขายอะไรก็ขายได้หมด ขอให้มีสินค้าให้ขาย โดยผมอ้างอิงเรื่องการขายแชมพูล้างรถในวัยเด็กของตัวเอง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแชมพูผลิตอย่างไร แต่ทุกอย่างมันมีจุดเริ่มต้นทั้งนั้น

“สิ่งที่ผมพยายามบอกกับหัวหน้าคือ ผมเข้าใจจุดอ่อนของตัวเองที่ตอนนั้นยังเป็นเด็ก แต่หากผมได้โอกาสที่ดีสักครั้ง ผมจะสร้างผลงานที่ทำให้เขาประทับใจ ด้วย บริษัท ดีทแฮล์ม เป็นดิสทริบิวเตอร์ เขาคงต้องการเซลล์ที่ขยันและเก่ง นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้ผมได้ทำงานแรกที่นั่น”

จาก ดีทแฮล์ม ชายหนุ่มสั่งสมประสบการณ์การทำงานต่อเนื่องที่บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด         ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาด ดูแลขอบเขตงานกลุ่มร้านอาหาร ควบคู่ไปกับการเรียนต่อปริญญาโท

“ตลอดช่วงชีวิตที่โหมทั้งงานและการเรียน ผมมีหลักคิดในการแบ่งเวลาชีวิตอย่างสมดุล คือ ทำสิ่งที่สำคัญก่อน และทำในสิ่งที่ไม่สำคัญในเวลาที่เหมาะสม

“ตอนเรียน ผมเรียนหนัก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องแบ่งเวลาการทำงานให้เป็นสิ่งสำคัญก่อน แน่นอนว่าการทำงานแลกมาด้วยผลตอบแทน แต่หลังจบเวลาทำงาน ผมใช้เวลาที่ต้องพักผ่อนมาอ่านหนังสือเรียน โดยเลือกทำสองสิ่งนี้พร้อมกัน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จแบบคู่ขนาน”

จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต คือการเดินเข้าสู่วงการธุรกิจสื่อโฆษณาแบบเต็วตัว

“การเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อโฆษณา เริ่มต้นจากผมเห็นโอกาสหลังเปลี่ยนมาร่วมงานกับบริษัทของคุณอา ที่ทำเกี่ยวกับสื่อโฆษณากลางแจ้ง โดยการใช้ประสบการณ์เรียนและการทำงานที่สะสมมากกว่า 20 ปี จนสามารถเข้าใจเรื่องการผลิตและการลดต้นทุน

“จากนั้นจึงออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง ช่วงแรกพบการแข่งขันที่รุนแรงด้านราคา ซึ่งตอนนั้นผมพยายามหาจุดขาย สร้างแบรนด์ของ KIN Corporation ด้วยการนำเสนอสื่อป้ายโฆษณากลางแจ้งให้กับลูกค้ากลุ่ม Real Estate โดยโฟกัสไปที่สื่อที่สร้างความแปลกใหม่ และจัดสรรงบประมาณการใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพจนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า”

กระทั่งเกิดวิกฤต Covid-19 สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาท นั่นเป็นสถานการณ์ภาคบังคับ ทำให้          KIN Corp. เดินทางถึงจุดเปลี่ยน วิ่งตามกระแสโลกออนไลน์ให้ทัน หลังพฤติกรรมผู้บริโภค คนออกจากบ้านลดลง  Work from Home มากขึ้น

“เมื่อลงมาเล่นกับสื่อใหม่ แต่เราไม่ได้ทิ้งสื่อเก่า ในสถานการณ์ Covid-19 เราต้องปรับตัวคู่ขนานกันไป  โดยผมปรับวิธีการขายใหม่ ต้องเรียนรู้สื่อออนไลน์ใหม่ทั้งหมด ผมเชื่อว่าแม้ความรู้ของคนไม่เท่ากัน แต่สามารถศึกษาให้รู้เท่ากันได้

“ผมมี Mind Set ร่วมกับน้องๆ ในทีมว่า ไม่เป็นไร ทำอะไรได้ให้ทำไปก่อน และแก้ไขให้ดีขึ้น…จนประสบความสำเร็จ ผมเรียนรู้ธุรกิจออนไลน์ในช่วง Covid -19 ช่วงปีแรก ยอดขายยังน้อย ขาดทุนเลยละ แต่ผมมองว่าแนวโน้มในอนาคตจะดี และทำให้เกิด Know How ใหม่ๆ ทั้งเรื่องกลวิธี การปรับ Contents และ Artwork ให้กับลูกค้า นี่เป็นสิ่งที่เราพัฒนาน้องในทีมทุกคน จนสามารถทำตลาดออนไลน์ให้ติด รวมถึงทำ Data Analysis ที่เป็น Asset ที่ดีที่สุด

“จุดเด่นที่ทำให้ KIN Corp. ประสบความสำเร็จคือลูกค้าที่มาใช้บริการกับ KIN Corp. สามารถลดต้นทุนให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ภาคินย้ำจุดแข็งของ KIN Corp.

ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและต่อเนื่องของสื่อโฆษณาทั้งออฟไลน์และออนไลน์ KIN Corp. ภายใต้การกุมบังเหียนของ ภาคิน วณิชภิรมย์ คือทางเลือกที่ดีและน่าสนใจในการแย่งชิงพื้นที่และเกี่ยวสายตาทุกคู่ผ่านช่องทางสื่อที่หลากหลาย

แน่นอน, ชายหนุ่มไม่เคยปล่อยโอกาสหลุดลอย ตรงกันข้าม เขาไขว่คว้า และขยันมองหาโอกาสใหม่เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจให้กับ KIN Corp. เสมอ