Maker Nurse มิติใหม่แห่งการแพทย์ไทย
มีการคาดการณ์ว่า ไม่เกินปีค.ศ.2025 โลกจะมีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมากขึ้น หลังก่อนหน้านี้บรรดาค่ายรถยนต์ชั้นนำต่างเปิดเผย Road map ในแนวทางนี้กันบ้างแล้ว
โลกอนาคตที่รอไม่นาน คุณ (อาจ) สามารถจะมีชีวิตที่ง่ายขึ้น จากเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence หรือที่เรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์) หรือที่เป็นที่อยู่ในปัจจุบันโลกธุกิจอย่าง Google หรือ Facebook ต่างนำเทคโนโลยีดังกล่สวเข้ามาผนวกไปกับการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบที่คุณไม่เคยรู้ตัวเลย
แน่นอนการทำงานจากสมองกลที่เอื้อให้คนในโลกอยู่อย่างสบายใจ จนมีคำกล่าวว่า “เทคโนโลยีตัวนี้จะมาแย่งงานมนุษย์ในไม่ช้า”
เบื้องหลังกรณีของค่ายรถยนต์รายใหญ่ ลดจำนวนพนักงานเกือบ 1,000 คน ในประเทศไทย นั่นเพราะค่ายรถยนต์รายนี้ลงทุนวิจัยกับเทคโนโลยี AI ไปจำนวนมาหศาล และเพื่อรองรับการทำงานในอนาคต ให้คล่องแคล่ว ว่องไว ตามสโลแกน just in time
สัญญาณที่บอกมานี้ นัยหนึ่งคือภัยคุกคามของโลกธุรกิจ แต่อีกนัยหนึ่งคือ ความสะดวกสบาย ขึ้นอยู่กับว่าการตีความเป็นเช่นไร …?
และใครจะคิดว่าเจ้าเทคโนโลยีนี้ จะชอนไชไปยังธุรกิจสุขภาพ
จาก “พยาบาล” สู่ “Maker” ?
ทั้งนี้ เพราะการรักษาการเจ็บป่วยของคนไข้มีความซับซ้อนมากกว่าการซ่อมรถยนต์หรือคอมพิวเตอร์ เนื่องจากร่างกายคนเรามีความซับซ้อนอีกทั้งแต่ละคนยังมีเงื่อนไขเฉพาะของอาการที่ป่วยว่าจะตอบรับการรักษาหรือไม่ ทำให้แพทย์และพยายาบาลจะต้องหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด เร็วที่สุด และใช้งบประมาณน้อยที่สุด เพื่อที่ผู้ป่วยทุกคนจะสามารถเข้าถึงการรักษาได้
ด้วยเหตุนี้ทำให้ “พยาบาล”เป็นผู้ที่ดูแลผู้ป่วยมากที่สุด กลายเป็น Maker Nurse เพราะรู้ว่าอะไรคือปัญหาและต้องแก้ไขอย่างไร เนื่องจากเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเจอทุกวัน จึงเกิดทำให้มีไอเดียต่างๆมากมาย ที่จะทำเครื่องมือแพทย์เพื่อทำให้การรักษาคนไข้ได้ผลดีมากขึ้น โดยเครื่องมือดังกล่าวมักจะเป็นเครื่องมือเฉพาะหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไปต้องทำขึ้นมาเอง
Progress Thailand ได้รู้จัก Maker Nurse ครั้งแรกที่ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือโรงพยาบาลเด็ก ซึ่งมีแผนกนวัตกรรมที่พยายามคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องมือแพทย์ต่างๆจากไอเดียของพยาบาล เพื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
โดยหลังจากได้ไอเดียมาแล้ว ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ทั้งการจ้างนักออกแบบ การสั่งโรงงานให้ผลิตซึ่งต้องสั่งครั้งละมากๆ ทำให้ใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก ทั้งที่บางอย่างเป็นอุปกรณ์เฉพาะที่ใช้ต่อคนไข้เฉพาะรายเท่านั้น ไม่มีความยืดหยุ่น หรือประดิษฐ์เฉพาะกรณีได้
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้โรงพยายาบาลเด็ก ได้ทำงานร่วมกับทีมProgress Thailand เพื่อให้ช่วยผลิตเครื่องมือแพทย์ที่เป็นผลงานต้นแบบจาก “เครื่องพิมพ์ 3 มิติ” ซึ่งทำให้กระบวนการผลิตไม่ยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไปแล้ว เพราะสามารถแปลงสิ่งที่เป็น “ไอเดีย” สู่ “ความจริง” ด้วยการขึ้นโมเดลและพิมพ์ออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ทีม Progress Thailand ได้ประสานกับโรงพยาบาลเด็กอย่างต่อเนื่อง โดยทำหน้าที่ออกแบบสิ่งของต่างๆโดยที่พยาบาลจะบอกไอเดียและเล่าปัญหาพร้อมกับวาดรูปวัตถุที่ต้องการผลิตให้เราได้เห็นภาพว่าสิ่งที่จะทำนั้นจะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร มีลักษณะเหมือนอะไร
ในที่สุดเราก็สามารถผลิตผลงานจากไอเดียของ Maker Nurse เพื่อนำไปเป็นต้นแบบหรือทดลองใช้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ ไม่ว่าจะเป็นตัววัดระดับเตียง เครื่องกดเลือด ที่ทิ้งเข็มฉีดยา และ มีดแฟนซีเพื่อหนูน้อย เป็นต้น
สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ มักเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นหรือคาดไม่ถึงมาก่อน เพราะเป็นสิ่งที่มาจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เฉพาะกรณี ต้องเป็นผู้ที่ทำงานตรงนั้นเท่านั้นถึงจะสามารถคิดได้
ทั้งนี้ เรื่อง Maker Nurse ในโรงพยาบาล ได้เกิดขึ้นแล้วที่สหรัฐ โดยการริเริ่มของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์( MIT) และมีการสร้าง Makerspaceในโรงพยาบาลแห่งแรก ที่ University of Texas Medical Branch hospital, เมือง Galveston
โดยภายใน Makerspace จะมีเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อใช้สร้างผลงานต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องพิมพ์3 มิติ เครื่องตัดเลเซอร์ อุปกรณ์อิเลคทรอนิค เพื่อให้พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ได้สามารถประดิษฐ์เครื่องมือแพทย์แบบ DIY ได้เลย โดยมีนักออกแบบที่มีความรู้ ช่วยอำนวยความสะดวก เพื่อให้การประดิษฐ์ต่างๆทำได้รวดเร็วมากขึ้น
โดยสองปีที่ผ่านมาพบว่า การสร้าง Makerspace ในโรงพยาบาล ได้ไอเดียและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมากมายจากพยาบาล ที่สามารถนำไปปรับใช้กับการรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที แทบไม่น่าจะเชื่อว่า แม้จะอยู่ไกลกันคนละซีกโลก แต่ Maker Nurse ทั้งของไทยและ สหรัฐ ต่างมีโจทย์เดียวกันในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่โรงพยาบาลมีผู้ป่วยที่มีแตกต่างกันหลายแบบตามอาการของโรค เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
การมาของ Maker Nurse และ Makerspace ในโรงพยาบาล จึงเป็นแนวคิดที่ก้าวหน้า และเป็นมิติใหม่ของวงการแพทย์อย่างแท้จริง