อาร์วินด์ กฤษณะ CEO ของ IBM เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ดึงศักยภาพ ‘AI’ ‘Edge’ และ ‘Cloud’ ช่วยองค์กรเร่งฟื้นตัว พร้อมเดินหน้ารับทรานส์ฟอร์เมชัน

ในสุนทรพจน์เปิดงาน IBM Think Digital ที่มีลูกค้า คู่ค้า และผู้บริหารจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 90,000 คน นายอาร์วินด์ กฤษณะ ซีอีโอของไอบีเอ็ม ได้กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ของหลายองค์กรโดยเป็นทั้งตัวขับเคลื่อนดิสรัปชันที่ทรงพลังและโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด จึงถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต้องสร้างธุรกิจและเครือข่ายให้ยืดหยุ่นพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เพื่อพร้อมรับความท้าทายที่คาดไม่ถึงจากผลกระทบโควิด-19

“ช่วงเวลานี้จะได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นช่วงที่โลกธุรกิจและสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงและก้าวสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอย่างฉับพลันเร่งด่วนชนิดไม่ทันตั้งตัว” นายอาร์วินด์กล่าว “เวลานี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ธุรกิจต่างๆ จะหันมาพัฒนาโซลูชันใหม่ รูปแบบการทำงานใหม่และความร่วมมือรูปแบบใหม่ๆที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งองค์กรและลูกค้าไม่เพียงเฉพาะสำหรับวันนี้ แต่ยังยาวไปถึงอีกหลายปีข้างหน้าด้วย” นายอาร์วินด์ ยังได้เน้นย้ำว่าไฮบริดคลาวด์และเอไอ “จะเป็นพลังหลักที่ขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน” พร้อมได้ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ลูกค้านำพาองค์กรเดินหน้า ประกอบด้วย

เครื่องมือ ‘เอไอ’ ใหม่ ช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริหารด้านไอทีด้วยการนำระบบอัตโนมัติเข้าช่วยบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายต่างๆโดยโซลูชัน IBM Watson AIOps นี้ ใช้เอไอช่วยตรวจจับเหตุผิดปกติของระบบไอทีแบบอัตโนมัติ พร้อมวิเคราะห์และทำการตอบสนองต่อปัญหาแบบเรียลไทม์Watson AIOps ได้รับการพัฒนาขึ้นบน Red Hat OpenShift ที่สามารถทำงานได้บนทุกสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ รวมถึงทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอย่าง Slack และ Box ที่รองรับรูปแบบการทำงานในปัจจุบันที่ผู้ใช้งานต่างอยู่กันคนละที่

โซลูชันและบริการเอ็ดจ์ คอมพิวติ้ง (Edge Computing) รองรับยุค 5G ที่พัฒนาขึ้นบน Red Hat OpenShift เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการเวิร์คโหลดจากอุปกรณ์เอ็ดจ์มากมายหลายยี่ห้อที่มีจำนวนมหาศาลได้อย่างคล่องตัว โดยผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะสามารถควบคุมฟังก์ชันเน็ตเวิร์คทั้งแบบเวอร์ชวลและแบบคอนเทนเนอร์ได้ในเวลาไม่กี่นาทีเพื่อที่จะสามารถให้บริการบนพื้นฐานของเทคโนโลยีเอ็ดจ์แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วเมื่อเริ่มมีการใช้งาน 5G เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังเปิดตัวโซลูชัน IBM Edge Application Manager ที่ช่วยให้สามารถ deploy เวิร์คโหลดเอไอ อนาไลติกส์ และไอโอที ได้จากระยะไกล ทำให้การวิเคราะห์และแสดงมุมมองเชิงลึกต่างๆเป็นไปในแบบเรียลไทม์และช่วยให้ผู้ดูแลระบบหนึ่งคนสามารถบริหารจัดการเอ็ดจ์ได้ถึง 10,000 โหนด ภายใต้ระบบที่มีความปลอดภัย

กลุ่ม Independent Software Vendors (ISVs) และผู้ให้บริการ Software-as-a-Service (SaaS) กลุ่มแรกที่เปิดให้บริการบนคลาวด์สาธารณะสำหรับบริการด้านการเงิน ประกอบด้วย Assima, C3.ai, Finacle, Intellect Design และ Thought Machine เพื่อให้ธนาคารที่เข้ามาใช้บริการมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการจากเวนเดอร์ที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ “แพลตฟอร์มเทคโนโลยีถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในศตวรรษที่ 21” นายอาร์วินด์ เสริม “เพราะจะเป็นเครื่องตัดสินว่าองค์กรจะตั้งหลักเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆในตลาดได้เร็วแค่ไหน จะให้บริการลูกค้าได้ดีเพียงใด จะเติบโตได้มากแค่ไหน และจะตอบสนองต่อวิกฤติการณ์อย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ได้เร็วเพียงใด”