The Business Plus บิสิเนสพลัส
“ตอกย้ำความสำเร็จกับบริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยปีนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภท BEST ICT SERVICE PROVIDER AWARD”
การพัฒนาและส่งมอบโซลูชันด้วยบริการเทคโนโลยีที่สามารถออกแบบได้เฉพาะองค์กรต่าง ๆ ถือเป็นจุดเด่นของ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) หรือ HPE โดยเฉพาะการจัดการสภาพแวดล้อมของระบบไอทีที่มีตัวเลือกมากมายให้เป็นเรื่องง่าย
พอร์ตโฟลิโอของ HPE ออกแบบมาสำหรับลูกค้าที่ต้องการการปรับใช้ที่รวดเร็ว การทำงานที่ยืดหยุ่น และนั่นทำให้คำกล่าวของซีอีโอ HPE ‘Antonio Neri’ ที่บอกว่า We advance the way people live and work หรือแปลให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เราจะเข้ามาช่วยคุณทำงานและให้ชีวิตของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพชัดเจนขึ้น
และเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซีอีโอของ HPE เป็นคนแรกที่พูดว่า The World will be Hybrid และปัจจุบันทิศทางธุรกิจสำหรับการขับเคลื่อนองค์กรก็อยู่ในสภาพเดียวกับคำกล่าวของ Antonio Neri แต่คำถามคือ ส่วนผสมใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเลือกใช้โซลูชันที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งแต่ละองค์กรมีความต้องการแตกต่างกัน
อย่างองค์กรขนาดใหญ่อาจมีไพรเวทคลาวด์ขนาดใหญ่ แต่สำหรับบริษัทเล็กหรือสตาร์ทอัพอาจจะใช้พับลิคคลาวด์เยอะ เพราะต้องลงทุนน้อย และต้องไม่ลืมว่า การเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Edge to Cloud จะเป็นการเชื่อมต่อแบบมัลติแอคเซส เน็ตเวิร์ค ได้ทุกทิศทุกทาง ไม่ว่าจะโมบาย อินเทอร์เน็ต หรือช่องทางไหนก็ตาม
และเมื่อได้ฟังคำกล่าวของของ พลาศิลป์ วิชิวานิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จะยิ่งเข้าใจว่าโลกธุรกิจในยุคดิสรัปชันที่ “จากนี้โลกจะเป็นการแข่งขันที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงแบบหลากมิติด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ ที่มีค่าดั่งคำกล่าวที่ว่า Data is the New Oil คือ ข้อมูลกลายเป็นพื้นฐานหลักในการผลักดันเศรษฐกิจยุคดิจิทัล นอกจากจะสร้างมูลค่าทางธุรกิจมหาศาล คำถามคือเราจะช่วยลูกค้าให้สามารถจะ Access ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นำมาซึ่งจุดได้เปรียบทางธุรกิจได้อย่างไร
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของเรา คือ Edge to Cloud (การเชื่อมต่อของอุปกรณ์อัจฉิยะต่าง ๆ และส่งการประมวลผลกลับเข้าสู่ระบบคลาวด์) และหากองค์กรใดสร้าง Workflow ได้ดี ธุรกิจของคุณก็จะก้าวไกล”
อย่างที่ทราบว่า HPE วางจุดยืนชัดเจนในเรื่อง Edge to Cloud และนำเสนอบิสซิเนสโมเดลในลักษณะ Pay per use เข้ามาแทนที่รูปแบบการขายอุปกรณ์ตามปกติ
ดังนั้น ลูกค้าสามารถใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นซอฟท์แวร์ เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ เน็ตเวิร์ค รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยคิดค่าบริการเป็นไปในรูปแบบจ่ายตามการใช้งานจริง
“บิสซิเนสโมเดลแบบ Pay per use เป็นรูปแบบบริการที่จะเข้าไปตอบโจทย์ของลูกค้ายุคปัจจุบัน อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานแบบผสมผสาน สามารถเชื่อมต่อในอุปกรณ์หลาย ๆ ประเภท เป็นคำตอบสำหรับการแข่งขันยุคนี้ ซึ่งแน่นอนว่า HPE มีความพร้อมทั้งทีมงาน ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำเสนอบริการต่าง ๆ (Everything as a Service) ที่มีทั้งความเร็วและความยืดหยุ่นดีที่สุด
ทั้งหมดที่กล่าวมาก็ชัดเจนว่า บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ได้นำเสนอคุณค่าแห่งห่วงโซ่บริการที่ดีที่สุด และนั่นทำให้บริษัทได้รับรางวัลชนะเลิศประเภท BEST ICT SERVICE PROVIDER AWARD ไปครอง
