จะเกิดอะไรขึ้นกับราคาทองคำ? หาก G7 แบนนำเข้าจากรัสเซีย

ถือเป็นบททดสอบสำหรับรัสเซียอีกครั้ง เมื่อกลุ่มประเทศผู้นำอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้ง 7 (G7) ซึ่งประกอบไปด้วย ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, อิตาลี, และแคนาดา จ่อห้ามนำเข้าทองคำล็อตใหม่จากรัสเซีย โดยสหรัฐฯ และชาติตะวันตกพยายามผลักดันให้โลกร่วมคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย เพื่อลดความสามารถในการทำธุรกรรมของรัสเซียในระบบการเงินโลก และถือเป็นการลดรายได้ที่รัสเซียจะนำไปใช้กับการทำสงครามในยูเครน โดยมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานการณ์ล่าสุดที่รัสเซียส่งเครื่องบินรบถล่มกรุงเคียฟ ซึ่งจะประเดิมด้วยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่เตรียมออกคำสั่งห้ามนำเข้าทองคำใหม่จากรัสเซียเข้าสู่สหรัฐฯ ในวันนี้ (28 มิ.ย.65)

ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่ม G7 สั่งแบนการซื้อขายทองคำจากรัสเซียโดยตรง แม้ว่าธนาคาร, บริษัทขนส่ง และโรงกลั่นหลายแห่งจะหยุดทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำรัสเซียหลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนขึ้นก็ตาม

ซึ่งหากมองผิวเผิน ก็ดูจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของรัสเซียที่จะต้องกลับไปตกผนึกความคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อจากนี้ เพราะทองคำถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 2 ของรัสเซียรองจากพลังงาน และถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของทั้งรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยการส่งออกทองคำของรัสเซียคิดเป็นมูลค่า 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2564 และมีสหราชอาณาจักร 1 ในเประเทศ G7 เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ รัสเซียถือเป็นประเทศผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก คิดเป็น 10% ของทองคำที่ขุดขึ้นมาทั่วโลกในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ปริมาณทองคำของรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า หลังจากควบรวมแคว้นไครเมียในปี 2557

ซึ่งหากรัสเซียยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าก่อสงครามต่อไป ก็มีแววว่าอาจจะเจอมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศที่ไม่เห็นด้วยอีกหลายอย่าง ดังเช่นก่อนหน้านี้ที่มีการประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมาแล้ว แม้ว่าผลกระทบจะไปตกที่ราคาน้ำมันโลกก็ตาม

สำหรับการคว่ำบาตรทองคำรัสเซียในครั้งนี้ ‘เกลนน์ ดีเซน’ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเซาท์ อีสเทิร์น นอร์เวย์ ได้เผยว่าการคว่ำบาตรทองคำในครั้งนี้อาจนำมาสู่ปัญหามากขึ้นสำหรับรัสเซีย นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบอย่างเดียวกันต่อเศรษฐกิจโลกเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับกรณีของแหล่งพลังงานจากรัสเซีย โดยเมื่อประเทศนาโตเริ่มใช้การคว่ำบาตร น้ำมันและก๊าซก็ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ จากการที่รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก หากมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้เกิดขึ้น จะส่งผลต่ออุปทานของโลกอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลต่อราคาทองคำโลก ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก อ้างอิงจากเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 18 เดือน หลังสหรัฐฯและชาติพันธมิตรพิจารณาห้ามการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย

ในส่วนของราคาทองคำในประเทศไทยนั้น จากการสำรวจข้อมูลพบว่าราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด โดยหากเทียบจากเดือนธันวาคม 2564 ราคาทองคำปรับตัวสูงสุดอยู่ที่ 28,800 บาท ขณะที่ในปี 2565 ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม อยู่ที่ระดับ 32,100 บาท และในปัจจุบัน (ราคา ณ วันที่ 27 มิ.ย.65) ราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 30,750 บาท ซึ่งอ้างอิงตามตลาดสปอตที่ระดับ 1,835.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา : Reuters, Thestandard, ฐานเศรษฐกิจ, ทองคําราคา

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ทองคำ #ราคาทองคำ #Gold #รัสเซีย #Russia