Facebook Inc. ละเมิดข้อมูลผู้ใช้งาน 50 ล้านราย
ทำเอาหุ้นของเฟซบุ๊กตกอย่างหนัก ความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้สูงถึง 60 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา
สถานการณ์หุ้นตกในครั้งนี้เกิดจากที่ทางหน่วยงานรัฐฯ ของสหรัฐและสหภาพยุโรปเรียกพบตัว มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ไปชี้แจ้งจ่อคณะกรรมาธิการในสภาเกี่ยวกับว่า อาจมีการละเมิดสิทธิผู้ใช้งาน เนื่องจากบริษัท Cambridge Analytica มีข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านรายไว้ครอบครอง ซึ่งบริษัท Cambridge Analytica เป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำงานให้กับทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2016
หากการสอบสวนเป็นพบว่าเป็นความจริงที่บริษัท Facebook นำข้อมูลของ User ไปเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ทางเฟซบุ๊กจะต้องจ่ายค่าชดใช้สูงสุด 40,000 เหรียญสหรัฐหรือราว 1.4 ล้านบาท ต่อการละเมิด 1 ครั้ง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้นของเฟซบุ๊กตกอย่างหนักถึง 6.8 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นครั้งที่เลวร้ายมากที่สุดในรอบ 4 ปี และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหุ้นตกลงอีก 4.7% มาเป็น 164.71 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจากสถานการณ์หุ้นตกเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาเป็นครั้งที่แย่ที่สุดของเฟซบุ๊ก นับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งเป็นปีเฟซบุ๊กประกาศเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก IPO อยู่ที่ราคา 38 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น
เจ้าพ่อโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กสูญเสียหุ้นไปภายใน 2 วัน มากกว่ามูลค่ารวมของตลาดทั้งหมดของ Tesla Inc. ประมาณ 5.2 หมื่นล้าน หรือ 3 เท่า ของมูลค่ารวมตลาดของ Snapchat หรือบริษัท Snap Inc. หรือประมาณ 1.9 หมื่นล้านเหรียญ
โดยในฝั่งของโลกออนไลน์เกิดกระแสบนโซเชียลมีเดีย พากันติดแฮชแท็ก #DeleteFacebook เพื่อประกาศและเรียกร้องให้ชาวเน็ตยกเลิกการใช้บัญชีกับทางเฟซบุ๊ค รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้ง WhatsApp อย่าง Brian Acton ซึ่งถูก Facebook ซื้อไปด้วยมูลค่า 1.9 หมื่นล้าน ในปี 2014 ก็ออกมาโพสต์เชิญชวนให้คนลบ account Facebook ด้วยข้อความว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะลบเฟซบุ๊กทิ้ง”
It is time. #deletefacebook
— Brian Acton (@brianacton) March 20, 2018