นักวิเคราะห์มองปี 2566 ราคาทองแดงฟื้นตัวสูง คาดแตะระดับ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน

ปี 2565 ถือเป็นอีกปีแห่งความยากลำบากสำหรับภาคธุรกิจในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ทั้งการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ หรือแม้กระทั่งสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลกระทบไปยังหลาย ๆ ภาคส่วน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาคอุตสาหกรรมด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งรวมไปถึง ‘ทองแดง’ ที่ต้องเผชิญกับฐานราคาที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

 

‘ทองแดง’ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวบ่งชี้สุขภาพทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และในปี 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับตลาด ‘ทองแดง’ ไม่น้อย อย่างไรก็ดี ได้มีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่าตลาด ‘ทองแดง’ จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2566 แม้ว่าแนวโน้มทั่วโลกจะยังมีความไม่แน่นอนสูงก็ตาม

 

นักยุทธศาสตร์ของ ‘Goldman Sachs’ กล่าวว่า โลหะที่ใช้ในหลายภาคส่วน ยังต้องทนกับความยากลำบากในปี 2565 เนื่องจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น อีกทั้งวิกฤตพลังงานที่เกิดจากสงครามของรัสเซียในยูเครน รวมถึงการปิดเมืองอย่างเข้มงวดจากสถานการณ์ COVID-19 ของจีน และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ โดยราคาทองแดง LME สูงสุดที่มากกว่า 10,600 ดอลลาร์/ตัน ในเดือนมีนาคม 2565

 

ทั้งนี้ ‘Goldman Sachs’ ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคา ‘ทองแดง’ ในช่วง 12 เดือน เป็น 11,000 ดอลลาร์/ตัน จาก 9,000 ดอลลาร์/ตัน และปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาเฉลี่ยเป็น 9,750 ดอลลาร์/ตัน ในปี 2566 และ 12,000 ดอลลาร์/ตัน ในปี 2567

 

ขณะที่นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ ‘Bank of America’ เชื่อว่าราคา ‘ทองแดง’ อาจพุ่งขึ้นสู่ระดับ 12,000 ดอลลาร์/ตัน ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม โดยจำเป็นต้องอาศัยการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะจำกัดอัพไซด์ของเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

ด้าน ‘Michael Widmer’ นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์กล่าวในรายงานแนวโน้มโลหะประจำปี 2566 ของ ‘Bank of America’ ว่า “แม้จะมีกระแสลมมากระทบ แต่ตลาดทางกายภาพยังคงตึงตัว”

 

โดยเน้นย้ำถึงการขาดแคลนหน่วยทองแดงสำรองที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าความต้องการทองแดงทั่วโลกได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่น โดยเพิ่มขึ้นทุกปีเนื่องจากการซื้อนอกประเทศจีนดำเนินไปในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

ทั้งนี้ ข้อมูลที่รวบรวมโดย Bank of America เกี่ยวกับอัตราการเติบโตของอุปสงค์จากภาคส่วนที่เชื่อมโยงกับนโยบาย Net Zero บ่งชี้ว่าการบริโภคทองแดงขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีจนถึงปี 2573 ขณะที่ในทางตรงกันข้าม การเติบโตของอุปสงค์ที่มีศักยภาพอยู่ที่ 2.1% ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา

 

ส่วนนักยุทธศาสตร์จาก ‘Fitch Ratings’ กล่าวว่า ผลกระทบต่อทองแดงจะถูกหักล้างด้วยตัวขับเคลื่อนอุปสงค์และอุปทานระยะสั้นและระยะกลางที่จะมาสนับสนุน โดยคาดว่าปริมาณการใช้ทองแดงทางด้านปฐมภูมิทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ในปี 2566 ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2565 ขณะที่อุปทานของเหมืองจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4% ในปี 2566 แม้ว่าการหยุดชะงักอาจส่งผลกระทบต่อคาดการณ์

 

โดย ‘Fitch Ratings’ คงสมมติฐานราคาสปอตทองแดงที่ 8,000 ดอลลาร์/ตัน ในปี 2566 โดยขยับไปที่ 7,500 ดอลลาร์/ตัน ในปี 2567 และ 2568

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

 

ที่มา : CNBC

 

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ทองแดง #ตลาดทองแดง #ราคาทองแดง #อุตสาหกรรมทองแดง