New Chapter ‘EXIM BANK’ รวมพลังความกล้า พัฒนาเพื่อคนไทย

“ผมเชื่อในเรื่องความสมดุลของการบริหารเวลาแบบ Work-life Integration จะสร้างสุขและสมดุลให้กับชีวิตส่วนตัวและความสำเร็จของงานได้ดีกว่า Work-life Balance”
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ภายใต้การบริหารของ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการคนปัจจุบัน มาพร้อมกับวิสัยทัศน์และพลังความกล้าที่จะพัฒนาเพื่อคนไทย
เพียงปีแรกของการทำงาน ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร สามารถสร้างพลิกผลการดำเนินงานจากขาดทุนกว่า 1,340 ล้านบาทเป็นกำไรสูงถึง 1,531 ล้านบาทในปี 2564 สูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงาน อีกทั้งยังขับเคลื่อนองค์กรโดยยึดเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยึดหลัก 3 P คือ People Planet และ Profit สร้างการเติบโตในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมขององค์กร ประเทศไทย และโลก
ความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์และโดดเด่นส่งผลให้ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK คว้ารางวัลสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2022 สาขา Rising Star ไปครอง
ในขณะที่บริบทของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงจากการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัล ก้าวสู่ยุค Next Normal ทำให้สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนทั้งโลกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ EXIM BANK ภายใต้การนำของ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้ปรับกลยุทธ์การบริหารองค์กร ขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ให้สอดคล้องโดยเน้นหลัก 3P คือ People Planet และ Profit
People หรือคน เป็นปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะนำพาทุกองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผู้บริหารยุคใหม่จำเป็นต้องสร้างคนและทีมที่แข็งแกร่ง โดยให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของบุคลากรในองค์กร ลูกค้า ไปจนถึง Stakeholders ตลอดจนสังคมและชุมชน
เราเริ่มต้นจากการดูแลให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความก้าวหน้าในอาชีพ พร้อมที่จะทำงานให้บริการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แล้วจึงส่งผลให้เกิดการส่งมอบผลลัพธ์ไปสู่สังคมและชุมชน
ต่อมา คือ การสร้าง Planet หรือโลกที่ยั่งยืน ผู้บริโภคในปัจจุบันมักจะเลือกใช้สินค้าและบริการโดยพิจารณาจากคุณค่าของแบรนด์ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภคและสังคมโลก ผู้ประกอบธุรกิจจึงต้องไม่ละเลยที่จะดูแลและสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้บริโภคด้วยเช่นกัน สินค้ารักษ์โลกจึงเป็นเทรนด์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดการค้ายุคใหม่
สุดท้าย การพัฒนาในมิติของ “คน” และ “สิ่งแวดล้อมโลก” จะสร้าง Profit หรือกำไร ที่ทำให้องคก์รอยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ และนี่คือเส้นทางการเติบโตของ EXIM BANK ที่กำลังมุ่งไปสู่เป้าหมายของการเป็น “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย”
Performance สุดแกร่ง
หลังการเข้ารับตำแหน่งใหม่เพียงปีแรก ดร.รักษ์ สามารถสร้างผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ได้อย่างน่าทึ่ง สร้างกำไรสุทธิสูงถึง 1,531 ล้านบาทในปี 2564 สูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงาน EXIM BANK มากว่า 28 ปี ด้วยการขยายบทบาทการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านการเงิน (สินเชื่อและประกัน) และไม่ใช่การเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีสินเชื่อคงค้าง 152,773 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 17,545 ล้านบาทหรือ 12.97% ซึ่งเป็นผลงานด้านสินเชื่อที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงาน
ด้านสินเชื่อเพื่อการค้า มียอดคงค้าง 40,259 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 112,514 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 13.50% จากปีก่อนหน้า โดยการให้สินเชื่อทั้งหมดของ EXIM BANK ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 196,714 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 70,797 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.99%
นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK คนปัจจุบันยังมีผลงานการ Transform องค์กร ด้วยการประกาศนโยบายเร่งสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะ SMEs เปรียบเสมือนเรือเล็กที่ควรต้องออกจากฝั่งไปแข่งขันในน่านน้ำสากล โดยมี EXIM BANK เป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนเงินทุน ตลอดจนเครื่องมือทางการเงินครบวงจร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
รวมทั้งพัฒนาช่องทางทำตลาดในยุคดิจิทัล ให้ข้อมูลความรู้ด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเทรนด์ตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคยุค Next Normal ขับเคลื่อน EXIM BANK เข้าสู่ New Chapter ของการทำหน้าที่มากกว่าธนาคาร ด้วยความกล้าที่จะพัฒนาเพื่อคนไทย ซึ่งต้องยอมรับว่า ผลงานและผลลัพธ์ของการบริหารงานโดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร เป็นที่น่าสนใจและโดดเด่นมาก
“ผมให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการองค์กร 3 มิติด้วยกัน ประกอบด้วย 1. การเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า ซึ่งต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการตลอด Business Life Cycle โดยเรามีโครงการสำหรับผู้ประกอบการที่เริ่มต้นส่งออกคือ การ Training & Incubation และ Flexible Loan เช่น สินเชื่อเพื่อผู้ส่งออกป้ายแดง EXIM Biz Transformation Loan
นอกจากนั้นยังส่งเสริมการขยายตลาดส่งออกผ่านช่องทางใหม่ ๆ เช่น EXIM Thailand Pavilion รวมไปถึงเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่า ประกันการส่งออกและลงทุน
2. การเป็นที่พึ่งของภาครัฐและ Stakeholders เราต้องทำงานอย่างแข็งขันเพื่อตอบสนองนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง โดยรับความเสี่ยงให้มาก และใช้ความเชี่ยวชาญบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้ปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการผ่านพ้นไปได้
ทำให้กิจการของลูกค้าเดินต่อไปหรือเติบใหญ่ได้ โดยมี EXIM BANK นำเสนอ Total Solutions ที่จะช่วยสร้าง Ecosystem ครบวงจร ให้ทั้งเงินทุน ช่วยหาตลาดหรือช่องทางการขาย และให้ข้อมูลความรู้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตไปสู่อนาคตได้
3. การเป็นที่รักของพนักงาน EXIM BANK มุ่งพัฒนาคน เสริมศักยภาพ เติมกำลังใจ ด้วยการสร้างโอกาสและเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพที่ชัดเจน สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี ยอมรับความแตกต่างและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ พนักงานต้องได้รับการสร้างเสริม Future Skills สำหรับการทำงานในยุคดิจิทัล
Framework ของผม คือ Results Orientation เน้นผลลัพธ์ ลดขั้นตอนการทำงานที่ “ยุ่ง ยาก เยอะ” Agility เน้นความคล่องตัว ยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวให้เข้ากับบริบทของสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป Knowledge-based Work รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง ทำงานด้วยองค์ความรู้
ถามว่า วันนี้ Achieve หรือยัง สำหรับผมการทำงานในขวบปีแรก เป็นแค่ Lord of the Rings ภาค 1 ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่า เกิดความยั่งยืนสำหรับองค์กร สิ่งที่ผมจะโฟกัสมากขึ้นจากนี้ไป คือ การสร้างความยั่งยืน ปี 2566 เป็นต้นไปจะเป็นปีของการ Transformation ระบบงานและระบบคนให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม
ผมอยากวางรากฐานให้ EXIM BANK ขับเคลื่อนโดยพนักงานทุกภาคส่วน กระทั่ง รปภ. หรือแม่บ้าน มี DNA เดียวกัน EXIM BANK ต้องเป็น Institution ที่ทุกคนภูมิใจ
Goal ของผมคือปี 2570 เราจะต้องเป็นธนาคารที่มี Asset Size ไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องสนใจว่า CEO คนใหม่คือใคร แต่พนักงานทุกคนสามารถทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ นั่นคือ การสร้าง Culture ในการเป็น Development Bank ที่พนักงานทุกคนตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่า ตนเองต้องทำหน้าที่อะไร โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอกว่า ปีหน้าต้องโตกี่เปอร์เซ็นต์ เลิกพูดว่าโตกี่เปอร์เซ็นต์ รู้แต่ว่า ไปเจอกันที่เป้าหมาย 300,000 ล้านบาทในปี 2570
ผมเชื่อในเรื่องความสมดุลของการบริหารเวลาแบบ Work-life Integration จะสร้างสุขและสมดุลให้กับชีวิตส่วนตัวและความสำเร็จของงานได้ดีกว่า Work-life Balance ตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน ผมเลิกนโยบายการตอกบัตรเข้าทำงานไปแล้ว ดังนั้น ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ผลลัพธ์ของงาน
แน่นอนผมเชื่อในทฤษฎีของความสุข เชื่อใน Life long Employment ทุกคนสามารถเกษียณที่นี่ได้ อยู่แล้วมีความสุขเหมือนบ้านอีกหลัง
สิ่งที่ผม Benchmark คือ ใครทำงานหนัก ทำงานดี ผลงานเกิด ก็ควรจะได้รับผลตอบแทนที่ดี ก็เลยเป็นที่มาว่า เรากำลังจะทำ Transformation ในเรื่องของเงินเดือนและค่าตอบแทน ทำสวัสดิการ 360 องศาในปีหน้าอย่างจริงจัง”
ดร.รักษ์ ทิ้งท้ายว่า อิสระของการทำงานโดยมุ่งเป้าหมายของงาน จะทำให้พนักงาน EXIM BANK ชนะทุกความท้าทายและขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายสู่ความสำเร็จระดับประเทศและระดับโลกได้
เขียนและเรียบเรียง : วิทยา กิจชาญไพบูลย์
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/o9fQ6fA
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #EXIMBANK #ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย