The Business Plus บิสิเนสพลัส
แม้ว่าปี 2564-65 จะเป็นปีที่ดีของธุรกิจพลังงานจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้มีกำไรกลับมามาก มีกระแสเงินสดเข้ามามากขึ้น แต่บริษัทพลังงานก็ยังต้องเผชิญความท้าทายจากภาวะสงครามยุโรป ที่มีแนวโน้มจะนำมาสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ขณะเดียวกัน หลายประเทศทยอยปรับดอกเบี้ยให้สูงขึ้น และยังมีความท้าทายของธุรกิจพลังงานที่ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะเดียวกันธุรกิจต้องไปต่อได้
ท่ามกลางความท้าทายนี้ สำหรับบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ภายใต้การนำของ คุณสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ใช้เวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา ในการทรานส์ฟอร์มตนเอง เพื่อไปสู่ธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้น ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter สามารถปักธงเป็นผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) ในภูมิภาคนี้
เกือบทุกอุตสาหกรรมล้วนบาดเจ็บและได้บาดแผลจาก Covid-19 ทั้งนั้น แต่ปัจจัยแวดล้อมนี้ไม่ได้ส่งผลต่อบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU จึงทำให้เราเห็นผลประกอบการในปี 2564 และปี 2565 ว่าเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ
โดยปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 9,719 ล้านบาท ขณะที่ในครึ่งปีแรกของปี 65 นี้ มีกำไรสุทธิไปแล้วถึง 23,053 ล้านบาท ถึงแม้จะเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่คุณสมฤดีก็ยังวางแผนรับมือกับความไม่แน่นอนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภาวะดอกเบี้ย การเกิดดิสรัปชัน รวมถึงการวางเป้าหมายลงทุนกับธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ท่ามกลางความท้าทายในหลายมิตินี้ คำถามคือ บ้านปูจะมีกลยุทธ์อย่างไรในการขับเคลื่อนธุรกิจ และทรานส์ฟอร์มตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
เพื่อฉายภาพให้เห็นทิศทางของบ้านปู คุณสมฤดีปรับการบริหารธุรกิจออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก เรียกว่า กลยุทธ์ Greener & Smarter คือ การปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานที่ยั่งยืน และผู้ใช้เข้าถึงได้
เมื่อลงลึกไปในกลยุทธ์ Greener & Smarter พบว่า ที่ผ่านมาบ้านปูได้ไปลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และออสเตรเลีย ลงทุนธุรกิจพลังงานลมในเวียดนาม ลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีโครงการ Carbon Capture and Sequestration (CCS) ที่สหรัฐฯ คือเมื่อมีคาร์บอนไดออกไซด์ปล่อยออกมาในกระบวนการผลิต ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกดักจับ บีบอัด และขนส่งกลับไปหลุมใต้ดิน เพื่อจัดเก็บ และไม่มีการปล่อยกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอีก ซึ่งคุณสมฤดีตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะสามารถทำให้บ่อก๊าซที่สหรัฐฯ เป็น Net Zero ได้
ส่วนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานมี Banpu NEXT ทำธุรกิจสีเขียว เช่น พลังงานหมุนเวียน โซลาร์ฟาร์มทั้งบนหลังคาและลอยน้ำ พลังงานลม และเทคโนโลยีพลังงาน เช่น ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า เรือไฟฟ้า รวมถึงโซลูชันพลังงานฉลาด เพื่อขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้
ส่วนที่ 2 คือ ปรับกระบวนการทำงานต่าง ๆ ให้เป็นดิจิทัล การทรานส์ฟอร์มพนักงานให้มีแนวคิดเป็นคนยุคดิจิทัล โดยจัดตั้ง Banpu Academy ในการจัดคอร์ส Design Thinking และ Growth Mindset ให้กับพนักงาน และมี Banpu Heart เป็นตัวหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กร บริหารพนักงาน 6 พันคน กว่า 20 เชื้อชาติใน 10 ประเทศ ให้มีวัฒนธรรมเดียวกัน
โดยยึดหลัก Passion คือ ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสร้างพลังงานที่ยั่งยืน Innovation ต้องพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ มาตอบโจทย์สังคม เช่น การพัฒนาสามล้อไฟฟ้า Muvmi ที่ผ่านมา และ Commitment ที่จะมุ่งสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ยังต้องมีความซื่อสัตย์ โปร่งใส
คุณสมฤดี กล่าวว่า กว่า 40 ปีที่ก่อตั้งบริษัทมา บ้านปูเป็นบริษัทฯ ที่ให้โอกาสคนอย่างมาก โดย คุณชนินท์
ว่องกุศลกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท มีหลักคิดตั้งแต่แรกว่า ‘คน’ เป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้บ้านปูเติบโตไป เป็นบริษัทพลังงานที่ยั่งยืนได้ในอนาคต
เพราะฉะนั้นสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดของบริษัทก็คือ พนักงานของบ้านปู จะต้องสร้างและเปิดโอกาสให้คนได้พัฒนาตนเอง รวมถึงมีสวัสดิการต่าง ๆ ที่คอยช่วยเหลือพนักงานอีกด้วย
“เรามี Banpu Academy ที่สร้างคน มี Banpu Heart เป็นวัฒนธรรมองค์กรร่วมกัน มี ESG เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของเราไปข้างหน้า โดยทุกคนจะยึดถือเรื่อง One Banpu, One Goal เป็นคำพูดสั้น ๆ ที่เข้าใจกันได้”
ส่วนสุดท้าย คือ การช่วยเหลือสังคม โดยเน้นไปที่การให้การศึกษา ซึ่งคุณสมฤดีเชื่อว่าการศึกษาจะเป็นกุญแจสำคัญให้คนและเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาไปได้ จึงเปิดโครงการมากมายเพื่อให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการศึกษา เช่น
โครงการ Power Green Camp ให้นักเรียนได้ศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม โครงการ Banpu Champions for Change เน้นการแก้ปัญหาสังคมด้วยนวัตกรรม และสนับสนุนให้วิสาหกิจชุมชนอยู่ได้ด้วยตนเอง เป็นโครงการที่ทำมายาวนานกว่า 10 ปี
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ร่วมกับมหาวิทยาลัย อย่าง Thammasat-Banpu Innovative Learning Program เปิดโอกาสให้เด็กที่มาจากต่างจังหวัดได้เรียนรู้สื่อการเรียนการสอนใหม่ ร่วมมือกับ School of Integrated Innovation จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อถ่ายทอดความรู้ในด้านนวัตกรรม และให้คำปรึกษากับนิสิตในโครงการต่าง ๆ
“เราลงไปถึงชุมชนในพื้นที่ห่างไกล เข้าไปสร้างอาชีพ ให้คนมีงานทำ ให้ความรู้เรื่องวิชาชีพและการทำเกษตรกรรม และจัดหาคุณครูภาษาอังกฤษไปช่วยสอนเด็ก ๆ ตามโรงเรียนที่มีคุณครูภาษาอังกฤษไม่เพียงพอด้วย เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจเราจะเติบโตไปได้จะต้องเติบโตไปพร้อมกับชุมชน”
ทั้งหมดนี้ คือกลยุทธ์ของ CEO หญิงแห่ง BANPU ที่ฉายภาพให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับก้าวต่อไปของบ้านปู จะยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ Greener & Smarter ยึดมั่นกับการลงทุนในพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานอย่างต่อเนื่อง
โดยจะเสริมกลยุทธ์ 3A เข้าไปด้วย คือ Acceleration เร่งสปีดการขยายธุรกิจพลังงานสะอาดให้เร็วมากขึ้น สำหรับ Augmentation คือให้ 4 ธุรกิจ ได้แก่ เหมือง ก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงาน เป็น 4 เสาหลักที่สามารถต่อยอด สนับสนุนกันและกันได้ และเมื่อเพิ่มธุรกิจที่เป็นอุตสาหกรรมอนาคตเข้ามาก็จะต้องสนับสนุนกันและกันได้เช่นกัน
ส่วน Antifragile เป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและวงจรเศรษฐกิจโลกผ่านพอร์ตโซลูชันด้านพลังงานที่ครบวงจร โดยกระจายความเสี่ยง และคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และเป็นการสร้าง Growth Mindset ของพนักงานให้มีความคล่องตัว ล้มแล้วต้องลุกไว มีพัฒนาการ เพื่อให้อยู่รอดในยุคดิสรัปชัน
“เราอยู่ในยุค Never Normal เราต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา จึงจะอยู่รอดในยุคดิสรัปชันได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ 3A ของบ้านปู” คุณสมฤดี กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับใครที่ต้องการรับฟังบทสัมภาษณ์จากคุณสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สามารถรับชมได้ที่ : https://youtu.be/atY9ZJYm4Bg
