The Business Plus บิสิเนสพลัส
ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของไทยจะได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ ซึ่งมีสาเหตุมาจากต้นทุนน้ำมัน และดันให้ต้นทุนสินค้าที่พุ่งขึ้นตาม ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2565
แต่หากมองแน่แง่ของการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น หลายฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 และปี 2566 จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดย ธปท.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศปี 2565 จะขยายตัว 3.2% และปี 2566 จะขยายตัว 4.4%
สาเหตุที่เศรษฐกิจปรับตัวขึ้นมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ และภาคการท่องเที่ยว เพราะการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron มีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่มากเท่าช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ นั่นคือ ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนมีนาคมที่ผ่านมาฟื้นคืน โดยผลการสำรวจของ ‘สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย’ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (Thai Industries Sentiment Index: TISI) ในเดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 89.2 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.7 ในเดือนกุมภาพันธ์)
โดยการปรับตัวขึ้นครั้งนี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 สำหรับองค์ประกอบดัชนีฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประกอบด้วย คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลกระกอบการ
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปัจจัยทั้ง 4 เพิ่มขึ้นมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ในประเทศและหลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวและความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น อีกทั้งการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและการปรับรูปแบบมาตรการ TEST AND GO ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม2565 รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทยังส่งผลดีต่อภาคการส่งออกทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ดีในตลาดโลก
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมั่นโดดเด่น ใช้เกณฑ์วัดจากค่าดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น และมีค่าดัชนีฯ มากกว่า100 มีจำนวน 16 อุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์,ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์,ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม,
เครื่องปรับอากาศและทำความเย็น,อาหาร,ยา,โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม,ผู้ผลิตไฟฟ้า,ปิโตรเคมี, ผลิตภัณฑ์ยาง,พลาสติก,เยื่อและกระดาษ,การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์,อลูมิเนียม,ดิจิทัล,ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ
ส่วนอุตสาหกรรมที่มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นลดลง และมีค่าดัชนีต่ำกว่า 100 มีจำนวน 6 อุตสาหกรรม ได้แก่ เหล็ก,เครื่องจักรกลการเกษตร,ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร,เคมี,เทคโนโลยีชีวภาพ และเครื่องสำอาง
ขณะที่ Business+ ได้ทำการเรียงลำดับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม แยกตามรายอุตสาหกรรม พบว่า
อุตสาหกรรมที่ค่าดัชนีสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ค่าดัชนีอยู่ที่ 180 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
2. ผู้ผลิตไฟฟ้า ค่าดัชนีอยู่ที่ 150 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
3. กลุ่มธุรกิจยา ค่าดัชนีอยู่ที่ 141.1 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
4. กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาง ค่าดัชนีอยู่ที่ 137 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
5. ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ และแพทย์สุขภาพ ค่าดัชนีอยู่ที่ 132.7 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
ขณะที่ในส่วนของอุตสาหกรรมที่ค่าดัชนีต่ำที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
1. เครื่องจักรกลและการเกษตร ค่าดัชนีอยู่ที่ 42.2 (ปรับตัวลดลงจากเดือนก.พ.)
2. ต่อเรือซ่อมเรือ และก่อสร้างงานเหล็ก ค่าดัชนีอยู่ที่ 44 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
3. แกรนิตและหินอ่อน ค่าดัชนีอยู่ที่ 46.7 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
4. ไม้อัดไม้บางวัสดุแผ่น ค่าดัชนีอยู่ที่ 46.7 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
5. หัตถกรรมสร้างสรรค์ ค่าดัชนีอยู่ที่ 47.4 (ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.)
ทั้งนี้หากดัชนีความเชื่อมั่นฯ (TISI) อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงว่า ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเชื่อว่าภาวะการณ์ด้านนั้น ๆ จะมีสภาพแย่ลง หรืออยู่ในระดับที่ไม่ดี
หากค่าดัชนีอยู่ในระดับ 100 แสดงว่า ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นว่า
ภาวะการณ์ด้านนั้น ๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่หากค่าดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 100 แสดงว่า ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นว่าภาวะการณ์ด้านนั้น ๆ จะมีสภาพดีขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อมองไปในอนาคต มีการคาดการณ์กันว่าดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 99.6 เพราะประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และภาคส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวตามเศรษฐกิจโลก
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ที่มา : BOT , FTI
ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #เงินเฟ้อ #ภาวะเศรษฐกิจ #เศรษฐกิจมหภาค #ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ #ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
