ในปี 2023 ถือว่าเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับปัญหาหลายๆ ด้าน ทั้งความเชื่อมั่นที่เสื่อมถอยลงจากการทุจริตตกแต่งบัญชีของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอย่างกรณีของหุ้น STARK รวมไปถึงปัญหาสภาพคล่องของหลายๆ บริษัทที่ย่ำแย่อย่างกรณีของหุ้น JKN ซึ่งมีปัญหาด้านการบริหารจัดการหนี้สินจนถึงขั้นต้องขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ‘Business+’ พบข้อมูลว่ามีอีกหลายบริษัทที่เผชิญกับปัญหาด้านสภาพคล่องจนถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นป้ายเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในการเข้าซื้อขาย
ทั้งนี้เราพบข้อมูลบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C (Caution) ในปี 2023 จำนวนมาก ซึ่งเครื่องหมายนี้เอาไว้ใช้เตือนนักลงทุนว่า บริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมายนี้ กำลังมีประเด็นที่จะผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในการลงทุนบริษัทเหล่านี้จะต้องซื้อขายด้วยบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) เท่านั้น
โดยสาเหตุของการขึ้นเครื่องหมาย C จะมีได้ 3 กรณีดังนี้
1. ฐานะการเงินย่ำแย่ ซึ่งแบ่งย่อยได้เป็น 4 กรณี คือ
– ส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
– บริษัทที่เป็นสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย ถูกหน่วยงานกำกับดูแลมีคำสั่งที่เปิดเผยเป็นการทั่วไปให้แก้ไขฐานะการเงินหรือการดำเนินงาน โดยให้ระงับการดำเนินการบางส่วนหรือไม่ให้ขยายธุรกิจเป็นการชั่วคราว
– บริษัท หรือเจ้าหนี้ หรือหน่วยงานกำกับดูแลยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท (ศาลต้องรับคำร้องไว้แล้ว)
– บริษัทถูกเจ้าหนี้ยื่นฟ้องล้มละลาย (ศาลต้องรับคำฟ้องไว้แล้ว)
2. งบการเงิน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ
– รายงานของผู้สอบบัญชีมีลักษณะไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากถูกจำกัดขอบเขตการสอบทานหรือตรวจสอบโดยบริษัท หรือกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัท
– สำนักงาน ก.ล.ต. มีคำสั่งให้บริษัทแก้ไขงบการเงิน หรือมีคำสั่งให้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit)
3. บริษัทที่สินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปของเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น (Cash Company) โดย Cash Company อธิบายให้ฟังง่ายๆ คือ การที่บริษัทได้ขายสินทรัพย์ออกไปทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดจนทำให้มีสินทรัพย์ทั้งหมดอยู่ในรูปของเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น
ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทที่เข้าเงื่อนไขไม่ว่าจะข้อใดข้อหนึ่งจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยระหว่างนี้ตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) และเครื่องหมาย C (Caution) จนกว่าบริษัทจะแก้ไข ส่วนในกรณีของการเป็น Cash Company ต้องแก้ไขภายใน 6 เดือน หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขได้ภายในเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์จะดำเนินการตามเกณฑ์เข้าเหตุอาจถูกเพิกถอนและการพ้นเหตุเพิกถอน กรณีบริษัทมีสินทรัพย์ทั้งหมด/เกือบทั้งหมดในรูปของเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น
โดยในปี 2023 เราพบว่ามีบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C ทั้งหมด 9 บริษัทด้วยกัน (ไม่รวม วอร์แรนท์ และ Foreign) เทียบกับปี 2022 แล้วมีทั้งหมด 11 บริษัท ดังนี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า จำนวนบริษัทที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย C ไม่ว่าจะเข้าเพราะเงื่อนไขใดก็ตามได้ทำให้ความนิยม และความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีที่เกิดการตกแต่งบัญชี หรือฉ้อโกงในตลาดหุ้นซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของตลาดหุ้นไทยเสื่อมหนัก เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายรายวันที่ลดลงจากช่วงต้นปี ซึ่ง SET มีมูลค่าการซื้อขายราว 56,002 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 20,000 ล้านบาท และแน่นอนว่าการที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ย่อตัวลงก็ส่งผลกระทบต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นแต่ละตัวเช่นเดียวกัน
เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์
ติดตาม Business+ ได้ในช่องทางอื่นๆ ที่ Line Business+ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/
#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business #ตลาดหุ้นไทย #SET #mai #เทรดหุ้น