HAPPENING

อาร์เอส-ยูไลฟ์ จำกัด หรือ ‘ยูไลฟ์’ ธุรกิจขายตรงยุคใหม่ในเครืออาร์เอส กรุ๊ป เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ แฮปปี้ โฮมมี่ (Happie Homie) เจาะกลุ่มตลาดแม่บ้านพ่อบ้านสมัยใหม่ ที่ต้องการตัวช่วยในการทำงานบ้าน จัดการทุกความวุ่นวายของงานบ้าน ให้กลายเป็นความสุขของทุกๆ คน ตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน, ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม พร้อมตั้งเป้าสร้างยอดขายให้กับยูไลฟ์มากกว่า 40 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 คุณสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส-ยู ไลฟ์ จำกัด เผยว่า “ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างรายได้ และสนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้ ‘ชีวิตที่ใช่’ ในแบบของตัวเอง ภายใต้ภารกิจหลักในการสร้างสุขภาพดีให้คนไทยมากกว่า 10 ล้านคน ยูไลฟ์ จึงได้เพิ่มประเภทสินค้าให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง ซึ่งในต้นไตรมาส 3 นี้ เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ แฮปปี้ โฮมมี่ ที่จะมาสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับทุกครัวเรือน โดยทุกผลิตภัณฑ์มีจุดเด่นและตอบโจทย์การใช้งานครบเครื่องเรื่องการทำความสะอาดด้วยเทคโนโลยีการขจัดคราบที่เหนือกว่า ปลอดภัยด้วยสูตร 0% สารเคมีอันตราย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยสูตร biodegradable และประหยัดคุ้มค่ามากกว่าเพราะเป็นสูตรเข้มข้น ทั้งนี้ ยูไลฟ์ คาดว่า แฮปปี้ โฮมมี่ จะสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 40 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 65” สำหรับผลิตภัณฑ์ แฮปปี้ โฮมมี่ …

finfit with ttb เผย 7 เคล็ดลับการออกแบบชีวิต เพื่อพิชิตเป้าหมาย กับ ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล

เมืองไทยประกันชีวิต จัดกิจกรรมสร้างความสุข มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบเตรียมพร้อมป้องกัน และสร้างภูมิคุ้มกันให้สุขภาพสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับแบบองค์รวม

เชลล์ บริษัทน้ำมันรายแรกในไทย ฉลองครบรอบ 130 ปี ยกระดับกลยุทธ์ Powering Progress สนับสนุนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

Blue Card จับมือ ทิพยประกันภัย ขยายช่องทางการสะสมคะแนน พร้อมแลกส่วนลดพิเศษจากการซื้อประกันภัยทุกประเภท

อีซูซุสานต่อโครงการ “อีซูซุให้น้ำ...เพื่อชีวิต” ต่อเนื่องโรงเรียนที่ 40 ส่งมอบระบบน้ำดื่มสะอาดครบวงจรแก่โรงเรียนบ้านปางมะเยา อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

กรุงไทย–แอกซ่า ประกันชีวิต จัดกิจกรรม 'KTAXA Save Our Sea' อีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลท์ ใน 'สัปดาห์แห่งการทำความดี'

'ธุรกิจสวนสนุก' จะไปต่อได้ไหมหลัง COVID-19

ในยุคปัจจุบันที่คนวัยทำงานมักแสวงหาความสมดุลของชีวิต การทำให้ชีวิตและทำงานสมดุลกันจะต้องใช้เวลาและพลังงานอย่างมาก เมื่อคุณกลับถึงบ้านหลังจากการทำงานที่ยุ่งวุ่นวายในแต่ละวัน คุณจึงต้องการ การผ่อนคลายและทำกิจกรรมสนุกๆที่ทำให้มีความสุขและสนุกสนาน แต่ในขณะเดียวกันชีวิตประจำวันของคุณ ก็จะต้องใช้เวลาและความพยายามในการดูแลบ้านให้สะอาดน่าอยู่เสมอ เช่น การดูแลทำความสะอาดพื้นบ้านที่เบื้อนฝุ่น, คราบสกปรกจากเครื่องปรุงรสหรือน้ำซุปร้อนๆที่หกลงพื้นในขณะปรุงอาหาร และคราบสกปรกจากอุบัติเหตุเด็กวิ่งชนแก้วโยเกิร์ต ซีเรียล น้ำผลไม้ กาแฟโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น สำหรับผู้ที่ฝันถึงบ้านที่ สะอาด น่าอยู่ แต่ต้องการประหยัดเวลาและพลังงาน การแก้ปัญหาคือใช้เครื่องล้างพื้นและดูดฝุ่นแบบไร้สาย Jimmy Sirius HW10 ตัวช่วยที่ทรงพลังและทำหน้าที่ได้หลากหลาย ทั้งดูดฝุ่น ขัดถูพื้น แบบ 3-in-1 พร้อมทำความสะอาดตัวเองด้วยปุ่มเดียว Jimmy Sirius HW10 เครื่องดูดฝุ่นและล้างพื้นแบบไร้สายที่ใช้มอเตอร์ดิจิทัล มีศักยภาพพร้อมพลังดูดสูงสุด 400W ซึ่งรวมฟังก์ชั่นการดูดฝุ่น การขัดถูและการดูดซับเข้าด้วยกัน สามารถทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกที่เปียกและแห้ง รวมไปถึงการจัดการกับคราบสกปรกที่ฝังแน่นและเหนียวบนพื้นต่างๆได้ ซึ่ง Jimmy Sirius HW10 สามารถประกอบเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบใช้มือถือ เพื่อการใช้งานสำหรับดูดฝุ่นบนโต๊ะหรือตามซอกต่างๆ และดูดไรฝุ่นตามโซฟา เตียง ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ส่วนตัวหลักของเครื่องสามารถขัดล้างพื้นโดยที่ไม่ต้องคอยก้มได้เช่นกัน …

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และประธานกรรมการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พร้อมด้วยนางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการ และ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางฯ ร่วมแถลงข่าวกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในการสนับสนุนมอบหมวกนิรภัยสำหรับเด็กนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ณ ห้องประชุม ชั้น 31 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ทางบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และสมาคมประกันวินาศภัยไทย ภาคธุรกิจประกันภัย พร้อมสนับสนุนหมวกนิรภัยเด็กแบบครึ่งใบ จำนวน 126,117 ใบ ให้แก่นักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่เดินทางโดยสารรถจักรยานยนต์ไปเรียน ได้มีหมวกนิรภัยสวมใส่ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดยหมวกนิรภัยที่สนับสนุนนี้จะมอบให้ทางโรงเรียนในสังกัดของกรุงเทพมหานครที่จะนำไปให้เด็กยืมใช้เป็นเทอมๆ ไป และให้เด็กใช้หนึ่งคนต่อหนึ่งใบ ทางกรุงเทพมหานครได้ให้ความมั่นใจว่าเด็กนักเรียนที่ได้รับหมวกไปแล้วจะได้ใส่จริง เพราะจะให้ครูที่อยู่หน้าโรงเรียนคอยรับเด็กในช่วงเช้าสังเกตว่าเด็กมีสวมหมวกนิรภัยทั้งไปและกลับหรือไม่ นอกจากนี้จะมีการรณรงค์เรื่องการขับขี่จักรยานยนต์ให้ปลอดภัย โดยให้ใส่หมวกนิรภัยทั้งไปและกลับ ให้ขับขี่เลนซ้ายเพื่อความปลอดภัย ให้หยุดรถตรงทางข้าม หยุดรถที่ไฟเขียวไฟแดง และไม่ขับขี่ย้อนศร ซึ่งจะเริ่มรณรงค์พร้อมกับเด็กและผู้ปกครองควบคู่ไปด้วย