‘คาสิโน’ กับความย้อนแย้งของสังคมไทย ประชากรเล่นพนันครึ่งประเทศ แต่ยังผิดกฎหมาย

บนโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการเอาตัวรอด จึงไม่แปลกนักหากจะเห็นเหล่าผู้คนหันไปพึ่ง ‘ทางลัด’ ในการหารายได้เข้ากระเป๋า และหากจะพูดถึงธุรกิจสายมืดที่เป็นที่นิยมสำหรับนักแสวงโชค คงหนีไม่พ้นธุรกิจ ‘คาสิโน’ ที่ถือเป็นแหล่งดึงดูดผู้คนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ ‘คาสิโน’ นั้น เป็นธุรกิจสถานบันเทิงที่มีกิจกรรมการพนันเป็นกิจกรรมหลัก จากข้อมูลพบว่ามีการจัดตั้ง ‘คาสิโน’ ถูกกฎหมายครั้งแรกที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ในปีค.ศ. 1638 ในชื่อ ‘Il Ridotto’ ซึ่งเชื่อกันว่าคาสิโนแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ที่เล่นการพนันในช่วงเทศกาลเวนิสที่มีชื่อเสียง และมีเฉพาะผู้มีสิทธิพิเศษเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สถานที่แห่งนี้

โดยคำว่า ‘คาสิโน’ เกิดขึ้นจากคำภาษาอิตาลีที่หมายถึง ‘บ้านหลังเล็ก’ ซึ่งมีที่มาจากการที่กิจกรรมการพนันมักถูกจัดในบ้านส่วนตัว ก่อนที่จะมีการเปิดอย่างถูกกฎหมายในภายหลัง โดยบ่อยครั้งที่ผู้ชมได้รับความบันเทิงจากการเต้นรำและดนตรีพร้อมกับการพนัน นอกจากนี้ยังมีอาหารและเครื่องดื่มคอยบริการอีกด้วย

สำหรับปัจจุบัน พบว่ามี ‘คาสิโน’ มากกว่า 4,750 แห่งทั่วโลก และถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีเงินสะพัดอย่างมหาศาล โดยจากข้อมูลพบว่าในปีพ.ศ. 2564 ตลาด ‘คาสิโน’ ใน ‘สหรัฐอเมริกา’ มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 70.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯ ถือเป็นแนวหน้าในธุรกิจ ‘คาสิโน’ โดยมี ‘ลาสเวกัส’ เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักสำหรับผู้เล่น ‘คาสิโน’ จากทั่วโลก

ทั้งนี้ ธุรกิจ ‘คาสิโน’ ในสหรัฐฯ ถือเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย โดยผู้ประกอบการต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องให้แก่ภาครัฐ ซึ่งในปี 2564 พบว่ารัฐบาลและรัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐฯ ได้รับรายได้ภาษีการพนันโดยตรงถึง 11.69 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 75% จากปี 2563 และ 15% จากปี 2562 (ก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19) ยังไม่รวมถึงรายได้การขายและภาษีอื่น ๆ อีกพันล้านดอลลาร์

ขณะที่ ‘มาเก๊า’ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแห่งที่ขึ้นชื่อด้าน ‘คาสิโน’ มีรายได้จากการเล่นเกมรวม (GGR) ในปี 2564 อยู่ที่ 545 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 และมีการจ่ายภาษีโดยตรงจากการเล่นเกมให้แก่รัฐบาลเป็นเงินกว่า 4.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบกับปี 2563

อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจ ‘คาสิโน’ จะมีมูลค่าถึง 153.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2569 คิดเป็นการเติบโตที่ CAGR 3.7%

จากตัวเลขดังกล่าว พอจะทำให้เห็นว่า ‘คาสิโน’ นอกจากจะสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้กับเจ้าของกิจการแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับภาครัฐเป็นจำนวนมากอีกด้วย ซึ่งนอกจาก 2 แห่งที่กล่าวมาข้างต้น พบว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างสิงคโปร์ เวียดนาม กัมพูชา ลาว หรือแม้แต่เมียนมา ก็ล้วนแล้วแต่มี ‘คาสิโน’ ถูกกฎหมายไว้รองรับนักเสี่ยงโชคด้วยกันทั้งสิ้น

แต่ถ้าหากย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรม ความเชื่อที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือการเชื่อว่า ‘การพนัน’ เป็นสิ่งไม่ดี เป็นอบายมุขที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสีย จึงเป็นสาเหตุที่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ไร้ซึ่ง ‘คาสิโน’ ถูกกฎหมาย แต่น่าแปลกที่เมื่อสำรวจข้อมูล กลับพบว่ามีการเล่นการพนันของประชากรเกือบครึ่งประเทศ

โดยข้อมูลจาก ‘ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน’ พบว่าในปี 2564 คนไทยเล่นการพนัน 59.6% หรือประมาณ 32.33 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 1.9 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ที่เล่นพนันครั้งแรกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา หรือเรียกว่า ‘นักพนันหน้าใหม่’ เกือบ 8 แสนคน โดยทั้งเพศชาย เพศหญิง และทุกช่วงวัยมีสัดส่วนคนเล่นพนันเพิ่มขึ้น ที่น่ากังวลใจคือ 29.5% ของประชากรเด็ก อายุ 15-18 ปี เล่นการพนัน มีวงเงินหมุนเวียนรวม 29,155 ล้านบาท และ 54.6% ของเยาวชน อายุ 19-25 ปี เล่นการพนัน มีวงเงินหมุนเวียนรวม 93,321 ล้านบาท โดยทั้งสองกลุ่มมีสัดส่วนคนเล่นเพิ่มขึ้นและวงเงินพนันหมุนเวียนเพิ่มขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562

อย่างไรก็ดี หากมีการอนุมัติจากภาครัฐในการจัดตั้ง ‘คาสิโน’ ถูกกฎหมาย เชื่อว่านอกจากจะสามารถนำเงินนอกระบบให้เข้ามาหมุนเวียนเป็นรายรับให้แก่รัฐบาลในการนำไปพัฒนาประเทศแล้ว ยังอาจเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและประเทศ จากการดึงดูดนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการเสี่ยงโชค ซึ่งจากลักษณะของธุรกิจ ‘คาสิโน’ ที่นอกจากจะมีการเล่นพนันแล้ว พบว่ายังมักจะสร้างร่วมกับโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงแหล่งช็อปปิ้ง ซึ่งจะทำให้มีเงินสะพัดเพิ่มขึ้น และยังเป็นการลดการลักลอบการเล่นพนันผิดกฎหมายอีกด้วย

อนึ่ง ปัจจุบันคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอรัฐบาลในการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรแบบถูกกฎหมาย โดยเปิดให้เล่นการพนันทุกรูปแบบ ทั้งการพนันพื้นบ้าน และแบบสากล รวมทั้งพนันออนไลน์

ส่วนการเข้าไปใช้บริการจะต้องกำหนดอายุ 20 ปีขึ้นไป บุคคลทั่วไปต้องแสดงสถานะการเงินก่อนเข้าใช้บริการ และห้ามข้าราชการเข้าใช้บริการ เว้นแต่มีใบอนุญาต ซึ่งจะทดลองด้วยการเปิดแต่ละภาคของประเทศรวม 5 แห่ง ได้แก่

1. ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย หรือเชียงใหม่

2. ภาคกลาง เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ EEC

3. ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่

4. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น

5. กรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยรัฐบาลจะเปิดให้มีสัมปทานจากเอกชนมาร่วมธุรกิจ โดยรัฐจะจัดเก็บภาษี 30% รวมทั้งภาษีบำรุงท้องที่เพื่อนำเงินไปบำรุงในพื้นที่เปิดสถานบันเทิง

ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้ว ประเทศไทยจะสามารถจัดตั้ง ‘สถานบันเทิงครบวงจร’ หรือที่คุ้นหูกันดีในชื่อ ‘คาสิโน’ แบบถูกกฎหมายได้สำเร็จหรือไม่

 

เขียนและเรียบเรียง : เพชรรัตน์ แสงมณี

ที่มา : worldfinancialreview, wikipedia, globenewswire, usnews, yogonet, ggrasia, ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน, thaipbs

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #คาสิโน #ธุรกิจคาสิโน #Casino #การพนันถูกกฎหมาย