‘สวัสดีวันจันทร์’ รูปใน LINE ทำ ‘หมดไฟในการทำงาน’

หากคุณตื่นตอนเช้าขึ้นมา ใครก็ตามส่งภาพ ‘สวัสดีวันจันทร์’ ถึงกลับต้องถอนหายใจ และไม่อยากลุกขึ้นมาเพื่อออกไปทำงานแล้วล่ะก็ คุณอาจกำลังอยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงานก็เป็นได้

 

กลายเป็นอาการยอดฮิตของชาวมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายสำหรับ Burnout Syndrome ความรู้สึกหมดไฟในการทำงาน ส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคนทำงานในออฟฟิต ที่ต้องติดแหงกอยู่บนถนนเมื่อรถติด หรือต้องเบียดเสียดตัวเองบนรถไฟฟ้าเพื่อเข้าให้ทันเวลาทำงาน ไหนจะทำงานไม่ทัน แล้วโดนเจ้านายด่า จะมองไปทางไหนก็เจอแต่ปัญหา ดังนั้น ลองมาสำรวจกันดูว่าจิตใจของคุณกำลังแค่ ‘เบื่อ’ หรือ ‘หมดไฟ’ จำเป็นต้องออกจากงานจริงหรือไม่

 

 Burnout Syndrome

 

1. บอกตัวเองว่า ‘งานที่ทำอยู่ก็ดีนะ’

 

หลายคนมักอยากจะมีอิสรภาพในการทำงาน จนโฟกัสการออกจากงานเพื่อออกไปทำธุรกิจส่วนตัว หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนงานใหม่ เพราะเบื่อสภาพแวดล้อมแบบเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ เพราะบางครั้งการเจองานที่ใช่ ทำไปสักระยะก็อาจเกิดหมดไฟในการทำงานได้เหมือนกัน

 

ทางออกที่ดี คือ จงอยู่กับมันให้ได้ เพราะบางครั้งก็ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ 100% ในชีวิต แต่หากคุณกำลังร้องไห้อยู่ในใจ หรือนั่งร้องไห้ติดต่อกันหลายวันนั้น ภาวะดังกล่าวกำลังบอกว่า คุณต้องออกจากที่ทำงานได้แล้ว เพราะอาจจะนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ในอนาคต

 

2. คุณเป็นมนุษย์ Play Hard, Work Hard หรือ Play More, Work Less

 

บางคนมักทำงานผิดที่ผิดทาง ซึ่งถ้าหากคุณเป็นคนมุ่งมั่นทำงานแต่อยู่ในองค์กรที่ขับเคลื่อนอย่างเชื่องช้า แต่มีคุณคนเดียวที่แอคทีฟอยู่คนเดียว ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเกินไป อาการท้อแท้ครอบงำ จนไม่รู้สึกอยากจะทำอะไรให้องค์กรอีกแล้ว

 

แต่หากคุณเป็นคนประเภทชอบทำงานสบาย ๆ ไม่หนักจนร่างกายคุณรับไม่ไหว ซึ่งถ้าคุณไปทำงานในที่ที่ทุกคนทำงานจนข้ามวันติดต่อกัน คุณอาจต้องจบที่การลาออก ซึ่งทั้ง 2 กรณี ก่อให้เกิดอาการหมดไฟได้ทั้งหมด

 

เพราะฉะนั้นทางออกที่ดี คือ “การเข้าใจตัวเองให้มากที่สุด และมุ่งไปทางที่ใช่”

 

Burnout Syndrome

 

3. ทุกข์ทรมานจากคนหรืออาชีพกันแน่

 

หากคุณกำลังอยู่ในสภาวะทุกข์ทรมานใจอยู่ ให้ลองพิจารณาดูใหม่ว่าเป็นเพราะปัจจัยอะไร โดยชั่งน้ำหนักในใจให้ถี่ถ้วนว่า เป็นเพราะเหตุใด ซึ่งหากมาจากลักษณะงานแล้วล่ะก็ คุณต้องลองเข้าไปคุยกับหัวหน้าดูว่าสามารถแก้ไขอะไรได้หรือไม่ แต่ถ้าหากมาจากคน ซึ่งคนเรานั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดหรือนิสัยของคนอื่นได้ ไม่งั้นให้ ‘ยอมรับความจริง’ แล้วเดินหน้าต่อไป หรือหากทำไม่ได้คงต้องลาออกน่าจะดีที่สุด

 

4. เพื่อนที่ดีที่สุด คือ ‘ตัวเอง’

 

‘ไม่มีใครเข้าใจตัวเรา เท่ากับตัวเรามากที่สุด’ หลายครั้งที่เรามักเอาใจไปพึ่งพาคนอื่นโดยขอคำปรึกษา ซึ่งต้องบอกว่า ทางเลือกที่คนอื่นคิดอาจเป็นเสียงส่วนมาก แต่อาจไม่ใช่เสียงในใจของคุณ เพราะเรานั้นรู้ความต้องการของเราที่สุด หากคุณหมดไฟ และมองไม่เห็นทางข้างหน้า จงรู้เสมอว่าทุกทางที่เหมือนมืดบอด ยังมีทางออกให้เสมอ

 

5. เติมพลังงานชีวิตให้เต็มที่ทุกเวลา

 

  • หายใจแบบเน้น ๆ ช่วยให้คุณสงบลงและลดความเครียดหรือจัดการกับความเครียดได้เป็นอย่างดี
  • ให้เวลาตัวเองสั้น ๆ และบ่อยครั้งจากการทำงาน ควรพักเป็นเวลา 5 นาที ทุก ๆ 20 นาที ที่โต๊ะทำงาน หรือใช้ช่วงพักเพื่อเติมพลังนอกเวลาทำงาน เพื่อป้องกันจากอาการอ่อนเพลียทางร่างกาย

 

อย่างไรก็ตาม อาการหมดไฟในการทำงานนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากแต่แตกต่างกันที่ระดับความรุนแรง และแน่นอนคุณไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่กำลังหมดไฟในการทำงาน เมื่อรู้แบบนี้แล้ว การหมั่นทบทวนจิตใจ และเติมพลังให้กับชีวิต จะส่งผลให้การทำงานเดิมสนุกขึ้น และหากคุณบอกว่า ‘ไม่ไหวแล้ว’ จงออกมารักษาใจตนเองจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด