BTS Group เติบโตสวนเศรษฐกิจทุกSegment กวาดตัวเลขทะลุ 102%

เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพ รถไฟฟ้าบีทีเอส ดูเหมือนจะกลายเป็นขนส่งมวลชนที่ได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการขยายโครงการรถไฟฟ้าในหลายๆเส้นทาง ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 102 %


รถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นรถไฟฟ้าสายแรกของประเทศไทยดำเนินการ โดยบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ภายใต้บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)โดยมีวิสัยทัศน์ ประกอบธุรกิจที่ตอบโจทย์คนเมือง ซึ่งการเข้ามาของรถไฟฟ้าบีทีเอสเมื่อปี2542ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมรูปแบบการเดินทาง และสร้างมาตรฐานการให้บริการของระบบขนส่งมวลชนในเมือง

และในปี2560 นับเป็นปีที่ดีมากของ บีทีเอส กรุ๊ป ซึ่งสะท้อนผ่านผลดำเนินงาน 9 เดือน (เมษายน-ธันวาคม )กับรายได้ 10,528 ล้านบาท เติบโต 102 % กำไรสุทธิ 1,946 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง24% มาจากธุรกิจ 4 ประเภทอันประกอบไปด้วย ธุรกิจขนส่วมวลชน(BTS) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน และธุรกิจดิจิทัล ไลฟ์สไตล์

ซึ่งรายได้หลักที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของบริษัทยังคงมาจาก ธุรกิจขนส่งมวนชนหรือรถไฟฟ้าบีทีเอสและโฆษณา ที่สามารถทำรายได้รวมกันถึง 6,953 ล้านบาทเติบโตร้อยละ 241 % ซึ่งดร. อาณัติ อาภาภิรม กรรมการ และ กรรมการบรรษัทภิบาล บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยถึงปัจจัยหลักของการเติบโตว่า รายได้ที่เติบโตมาจากการเพิ่มของผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ และส่วนที่2มาจากการรับเหมาจัดหารถไฟฟ้าในโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและใต้ ทำให้มีรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงในระยะยาวและสม่ำเสมอ และสุดท้ายคือรายได้จากการขายพื้นที่โฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้า บิลบร์อด และสนามบิน ที่มีอัตราเติบโตถึง 34% ทำรายได้ 2538ล้านบาท

นอกจากนี้ ดร. อาณัติ ยังเปิดเผยถึงทิศทางของธุรกิจขนส่งมวลชนปี2561อย่างน่าสนใจว่า จะเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าตื่นเต้นและเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆด้าน เริ่มจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง –-สมุทรปราการมีกำหนดการสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมเดินรถภายในสิ้นปี2561 ขณะที่โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต แม้จะยังสร้างไม่แล้วเสร็จในปีนี้แต่ก็มีความคืบหน้าไปหลายส่วนและที่น่าจับตามองคือการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง – ชมพู ซึ่งจะเริ่มมีการก่อสร้างในปีนี้เช่นกัน

จากความเคลื่อนไหวและแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆเป็นแรงหนุนให้ธุรกิจของ บีทีเอส กรุ๊ป เติบโตขึ้นเป็นตามตัว ซึ่งบีทีเอสกรุ๊ป เองมีแผนที่จะซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก47ขบวนสำหรับรองรับโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดบริการและแก้ปัญหาผู้โดยสารแออัดอีกด้วย

สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาภายใต้การดูแลของ บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ปีที่ผ่านสามารถทำตัวเลขในระดับที่น่าพึงพอใจ2835ล้านบาทมีอัตราการเติบโต34% บริษัทได้เพิ่มการลงทุนและเข้าซื้อบริษัท MACO เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่การเป็น“ศูนย์กลางสื่อโฆษณาภายใต้ฐานข้อมูลแบบครบวงจร” (Data-Centric Media Hypermarket) ซึ่งเป็นกลยุทธสำคัญ

ทั้งนี้คาดหวังว่าการรวมธุรกิจเป็นแพลตฟอร์มที่หลากหลายและการเพิ่มกำลังการผลิตสื่อโฆษณาจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นและลูกค้าของบริษัท รวมทั้งสร้างรายได้รวมของธุรกิจสื่อโฆษณาเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาทในปี 60/61 จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของผลประกอบการในทุกธุรกิจ ได้แก่

1.รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน เพิ่มขึ้นเป็น 2.15 พันล้านบาท จากการปรับขึ้นราคาโฆษณาและการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้พื้นที่ ซึ่งเกิดจากการนำเสนอแคมเปญรูปแบบใหม่จากแรบบิทมีเดีย
2.สื่อโฆษณากลางแจ้ง คาดว่าจะมีรายได้ 950 ล้านบาท จากการที่บมจ.มาสเตอร์ แอด (MACO) รับรู้รายได้จากการรวมงบการเงินเต็มปีของ Multi Sign หลังการเข้าลงทุนเมื่อปีก่อน

นอกจากนี้ยังมีแผนการเข้าซื้อกิจการอื่น และการเปลี่ยนป้ายบิลบอร์ดภาพนิ่งเป็นหน้าจอดิจิทัล ทั้งนี้ VGI คาดการณ์ค่าใช้จ่ายลงทุนสำหรับปี 60/61 ที่ 700 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายลงทุนของ VGI จำนวน 340 ล้านบาท และ MACO จำนวน 210 ล้านบาท และ Rabbit Group 150 ล้านบาท

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็น3 ธุรกิจคือ ลงทุนเอง ลงทุนร่วมและซื้อหุ้น โดยปี2560เป็นปีที่เริ่มรับรู้รายได้จากโรงการลงทุนไปอาทิเช่นการโอนคอนโด เดอะไลน์ 5700ล้านบาท ส่วนโครงการร่วมทุนระหว่าง BTS และบมจ.แสนสิริ (SIRI) ภายใต้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น คาดว่าจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ อย่างน้อย 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 60/61 โดยคาดว่าจากการร่วมมือระหว่างกันจะทำให้สามารถรรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนระหว่าง BTS และ SIRI ในปี 60/61 จากการโอนห้องคอนโดมิเนียม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการ เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต และเดอะไลน์ สุขุมวิท 71

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะรับรู้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ จำนวน 650 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนสำหรับปี 60/61 จำนวน 1.45 พันล้านบาท แบ่งเป็นการรีโนเวท และปรับปรุงโครงการธนา ซิตี้ จำนวน 880 ล้านบาท ค่าก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่จะก่อให้เกิดรายได้ประจำในโครงการธนา ซิตี้ จำนวน 300 ล้านบาท และจัดหาที่ดินอีกจำนวน 270 ล้านบาท รวมทั้งขยายการลงทุนในต่างประเทศโดยการเข้าซื้อโรงแรมในยุโรปจำนวนมากน่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทจำนวนมหาศาลในอนาคตอันใกล้

“เราเชื่อว่าปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ยุ่งพอสมควรสำหรับเรา นอกจากต้องเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นทั้งก่อสร้างหรือเดินรถแล้ว ในธุรกิจอื่นของกรุ๊ปก็ยังมีทิศทางที่สดใส ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโด ยูซิตี้ และโครงการที่ทำร่วมกับแสนสิริทั้ง6โครงการ ในขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณา มีเรื่องฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย ทำให้วงการโฆษณาจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และธุรกิจสุดท้ายดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่เราทำผ่านบัตรแรบบิทก็ได้รับการตอบรับที่ดีในการใช้จ่ายผ่านบัตร เพื่อรับสิทธิประโยชน์ในการ กิน ดื่ม ชอป ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”ดร. อาณัติ กล่าวปิดท้าย