BGP เผยแผนเติบโตปี 2562 หวังแตกไลน์กลุ่มพัสดุ อาหารและอิเล็คทรอนิกส์

วรวัฒน์ บูรณากาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด หรือ BGP (บีจีพี) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ในเครือบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG (บีจี) ให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับทิศทางการตลาดของบีจีพี ในปี 2562 กล่าวว่า บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นที่นอกเหนือจากขวดแก้ว อาทิ ฝาพลาสติก ขวดพลาสติก ลัง กล่องกระดาษลูกฟูก โดยนับเป็นบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ที่สามารถผลิต ฝา ขวดพลาสติก ฉลาก และกล่องลูกฟูก ได้ภายในบริษัทเดียวเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่มักจะแยกการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกจากกัน

ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ บริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดยคาดว่าสิ้นปี 2562 นี้ จะมีรายได้ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษ มูลค่า 800 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ขวดพลาสติก มูลค่า 350 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มฝาบรรจุภัณฑ์ มูลค่า 300 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ฉลากมูลค่า 350 ล้านบาท โดยในอีก 3 ปีข้างหน้า คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 34%

 

โดยในจำนวนนี้ มียอดขายในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 12 % (จากมูลค่า 1800 ล้านบาท) จากการรุกตลาดต่างประเทศแถบประเทศอาเซียน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าตลาดทั้งสองจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านความต้องการของตลาดในประเทศลาวมีเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ผลิตมีจำนวนค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉลากพลาสติก ในขณะที่ตลาดในประเทศฟิลิปปินส์ บีจีพีมีความสามารถแข่งขันในด้านราคาค่อนข้างสูง แม้ว่าจะยังคงมีคู่แข่งในพื้นที่ของแต่ละประเทศอยู่ แต่ด้วยคุณภาพ และราคา ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตต่อไปได้ นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศบริษัทฯ ยังมีลูกค้าหลักได้แก่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด

 

ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงและความท้าทายที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงาน ได้แก่ ราคาของวัตถุดิบพลาสติกที่อาจเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และวัตถุดิบด้านกระดาษที่อาจมีราคาเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาด้านต้นทุน ผ่านการสร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) เช่น สั่งวัตถุดิบกับบริษัทจัดหาวัตถุดิบเดียวกันอย่างต่อเนื่อง ในปริมาณที่มากขึ้น จะช่วยให้ราคาวัตถุดิบที่ต่ำลงในไตรมาสที่ 3 และ 4 นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถควบคุมราคาวัตถุดิบพลาสติกให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมต่อการควบคุมต้นทุนการผลิต  ในส่วนของวัตถุดิบกระดาษคาดว่ายังคงต้องดูทิศทางของผู้ส่งออกกระดาษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดาษรีไซเคิลจากประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลต่อราคาตลาดกระดาษภายในประเทศ และอาจส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบกระดาษเพิ่มหรือลดลงได้

 

ทั้งนี้ BGP ยังให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ประเภทลัง และกล่องลูกฟูก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มเป็นหลัก อาทิ กล่องใส่ขวดเครื่องดื่ม โดยคาดว่าในอนาคตจะรุกตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจอาหาร เช่น กล่องหรือลังสำหรับบรรจุผลิตภัณฑ์ประเภทขวดซอสปรุงรสต่างๆ  รวมถึงผลิตภัณฑ์กล่องหรือลังบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และกล่องพัสดุไปรษณีย์ ซึ่งมีแผนการขยายตลาดต่อไปในปี 2563

 

โดยไม่เพียงแต่การขยายตัวด้านการตลาดและการผลิตเท่านั้น บีจีพียังตระหนักถึงการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบัน สังคมมีการตื่นตัวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบัน กลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่นๆ นอกเหนือจากบรรจุภัณฑ์แก้ว พบว่ายังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ทดแทนพลาสติกได้ จึงทำให้ยังคงมีการใช้บรรจุภัณฑ์จากขวดพลาสติกอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แนวโน้มผลิตภัณฑ์ขวดพลาสติกก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดขายและการผลิตขวดพลาสติกไม่ลดลงจากเดิม แต่ในระยะยาวอีก 1020 ปีข้างหน้าจะเห็นแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป  บริษัทจึงศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ (Biodegradable Bioplastics) ที่ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าพลาสติกทั่วไปถึง 3 เท่า แต่เชื่อมั่นว่าข้อมูลด้านงานวิจัย และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะมารองรับทำให้ราคาพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้มีราคาเท่ากับพลาสติกทั่วไปอย่างแน่นอน