เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ผู้นำบริการ ‘เบนท์ลีย์’ ครบวงจรอย่างเป็นทางการแห่งเดียวของไทย

ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดตลอดสองปีที่ผ่านได้สร้างความยุ่งยากให้กับทุกอุตสาหกรรมบนโลกใบนี้เป็นอย่างมาก และอุปสรรคเหล่านี้เองที่ทำให้ทุกธุรกิจในวันนี้ต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ดั่งคำที่ว่าท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส โดยหนึ่งในบริษัทที่สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากในช่วงสถานการณ์อันยากลำบากแบบนี้ก็คือ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการบริการลูกค้าด้วย “คุณภาพ” เป็นหลัก

โดยคุณอภิญญา ชัยสันติกุลวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การดำเนินธุรกิจค่อนข้างยากลำบาก แต่เราก็เชื่อว่าในอุปสรรคมักมีโอกาสอยู่เสมอตรงนี้เองที่ทำให้เรามุ่งมั่นในการหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเราเชื่อว่าเบื้องหลังที่มีคุณภาพจะเป็นตัวผลักดันให้เบื้องหน้ามีโอกาสก้าวไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น

ทำให้ทาง เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ใส่ใจตั้งแต่การสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ การใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย รวมถึงเทคโนโลยีและระบบไอทีสำหรับการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานสากล  นอกจากนั้นยังวางระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรตามมาตรฐานของโรงงานผู้ผลิต เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและพึงพอใจต่อการบริการสูงสุด

โดยยึดปรัชญาการลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาวมากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะสั้นภายใต้คติพจน์ “เอเอเอสฯ ดูแลทั้งรถและคุณ (AAS Looking After YOU and Your CAR)” ตอกย้ำความสำคัญสูงสุดกับการดูแล และการบริการหลังการขายกับลูกค้ารถยนต์เบนท์ลีย์ทุกท่าน และรถยนต์เบนท์ลีย์ทุกคัน ด้วยทีมวิศวกรผู้มีความชำนาญและมากประสบการณ์

โดยคุณอภิญญา เน้นว่า ปัจจัยความสำเร็จมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 35 ปี ในการสร้างความไว้วางใจจากโรงงานผู้ผลิตสู่การเป็นผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์รถยนต์หรู เบนท์ลีย์ พร้อมศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรักษารถยนต์แบบครบวงจร อย่าง ‘AAS Premium Auto Detailing Centre’ (ADC) ศูนย์บริการดูแลรักษารถยนต์แบบครบวงจรระดับพรีเมียม ซึ่งถือเป็นศูนย์บริการดูแลรักษารถยนต์ที่มีความทันสมัย และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์แบรนด์ดังระดับโลก

นอกจากนี้ เรายังทุ่มงบในส่วนของงานซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ ในชื่อว่า ‘AAS Body & Paint Centre of Excellence’ หรือ ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์เบนท์ลีย์ เพื่อให้บริการงานซ่อมสีและตัวถังรถยนต์อย่างครบวงจร ด้วยวัสดุคุณภาพสูงอีกด้วย

แผนกลยุทธ์ของบริษัท

คุณอภิญญา เผยเพิ่มเติมว่า ต้นปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้เปิดรับการสั่งจอง 2 อัครยนตรกรรมไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดาน ฟลายอิ้ง สเปอร์ ไฮบริด ใหม่ (New Flying Spur Hybrid) และ อัครยนตรกรรมเอสยูวี เบนเทก้า ไฮบริด ใหม่ (New Bentayga Hybrid) อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางวิกฤตการณ์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยตัวผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด สภาวการณ์ และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวรถยนต์ท่ามกลางวิกฤตการณ์เช่นนี้ ซึ่งตอนนี้ยอดขายแค่ไตรมาสแรกของปีนี้ก็เกือบเท่ากับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ทั้งปีแล้ว

นอกจากผลการดำเนินงานที่ดีแล้ว การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยโดยการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ก็เป็นสิ่งที่ทางบริษัทให้ความสำคัญเช่นกัน โดยทาง เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ได้ใช้แพลตฟอร์มแบบดิจิทัลเพื่อรองรับการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับลูกค้า และเพื่อสร้างโอกาสในการทำการตลาดแบบดิจิทัลเพื่อการประชาสัมพันธ์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ พร้อมส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกท่าน

โดยปัจจุบันลูกค้าของทางรถยนต์เบนท์ลีย์มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 40-48 ปีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะมองหาสิ่งที่มากไปกว่าแค่รถยนต์พรีเมียมทั่วไป ๆ โดยรถยนต์ที่พวกเขาต้องการจะต้องไม่เหมือนใครด้วยการรังสรรค์ในแบบเฉพาะตัวให้โดดเด่นด้วยตัวเลือกของเฉดสี วัสดุ รูปแบบไม้วีเนียร์ หรือ ชุดแต่งมูลินเนอร์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนความเป็นตัวตนของเขาออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แผนงานความรับผิดชอบต่อลูกค้า สิ่งแวดล้อม และสังคมขององค์กร

คุณอภิญญา ปิดท้ายว่า เรามุ่งมั่นที่จะเดินตามแผนแม่แบบ ‘BEYOND100’ กลยุทธ์ที่ว่าด้วยเส้นทางสู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนขององค์กร โดย เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ โดยเราตั้งเป้าหมายการเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างยั่งยืนในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2565