BCH

เปิดอาณาจักรเครือ BCH รพ.ที่มีลูกค้าประกันสังคมมากที่สุดในประเทศ

หากพูดถึงโรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมนั้น มีอยู่มากมายหลายโรงพยาบาล แต่รู้หรือไม่ว่า โรงพยาบาลในเครือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จํากัด (มหาชน) หรือ BCH เป็นโรงพยาบาลที่มีผู้ประกันตนจากประกันสังคมเข้าใช้บริการมากที่สุดในประเทศไทย และหากมองในแง่ของการเติบโตของโรงพยาบาลในเครือ BCH แล้ว ยังมีความโดดเด่นในแง่ของแผนการดำเนินธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการขยายกลุ่มลูกค้าให้ครบทุก Segment ทั้งลูกค้าระดับบน ระดับกลาง และระดับประกันสังคม จนทำให้ในปัจจุบัน BCH มีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 15 แห่ง และโพลีคลินิก 1 แห่ง โดยมีโรงพยาบาลตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดและในสปป.ลาว และยังมีโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตร ในการส่งต่อผู้ป่วยประกันสังคม เข้ามารับการตรวจวินิจฉัย รักษาโรคหัวใจแบบครบวงจร

ขณะที่เมื่อมองไปยังทิศทางการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า ‘Business+’ มองว่า BCH จะได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศที่ผู้ป่วยต่างชาติจะกลับมาฟื้นตัวจากการปรับหลักเกณฑ์วีซ่ามาไทย และยังมีอีกประเด็นที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุด คือ การปรับขึ้นค่ารักษาประกันสังคมเหมาจ่ายที่เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนพ.ค.นี้ ซึ่งแน่นอนว่า การเป็นเครือโรงพยาบาลที่มีฐานผู้ป่วยประกันสังคมมากที่สุดในประเทศไทยจะทำให้รายได้ของ BCH ในส่วนของผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มขึ้นอย่างต่ำคือ 10% ต่อคน

BCH

ทั้งนี้ BCH เป็นเครือโรงพยาบาลที่มีการแบ่งบริการทางการแพทย์ในระดับปฐมภูมิ-ตติยภูมิ ภายใต้ 4 กลุ่มโรงพยาบาล คือ

1.กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่จับกลุ่มรักษาคนไข้ระดับบน

2.กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยโรงพยาบาลเกษมราษฏร์จะจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง

3.กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง / ลูกค้าประกันสังคม

4.กลุ่มโรงพยาบาลการุญเวช เพื่อให้บริการครอบคลุมผู้ป่วยทุกกลุ่มตั้งแต่ผู้ป่วยทั่วไป ชาวต่างชาติ และผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง / ลูกค้าประกันสังคม

ในปัจจุบันนี้ BCH มีผู้ประกันตนลงทะเบียนเฉลี่ยไตรมาสในช่วง 1/66 จำนวน 1,013,146 ราย (รวมทุก รพ.ในเครือ) โดยโรงพยาบาลในเครือ BCH ที่รับผู้ประกันตนดังนี้ เกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี , การุญเวช ปทุมธานี , เกษมราษฎร์ ฉะเชิงเทรา , การุญเวช อยุธยา , เกษมราษฎร์ รามคำแหง , เกษมราษฎร์ สระบุรี  , เกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ , เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ , เกษมราษฎร์ บางแค และเกษมราษฎร์ประชาชื่น

ขณะที่ตลอดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2536 เพื่อดำเนินธุรกิจในรูปของกลุ่มโรงพยาบาล (Chain Hospital) กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ได้ขยายตลาดการให้บริการกับลูกค้าจนครบทุกเซ็กเมนต์จากเดิมที่จับเฉพาะตลาดในกลุ่มระดับกลางเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาล เอกชนอื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตร ในการส่งต่อผู้ป่วยประกันสังคมเข้ามารับตรวจวินิจฉัยรักษาโรคหัวใจแบบครบวงจร ทั้งการรักษาโดยการสวนหัวใจและการผ่าตัด รักษาและผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตาด้วยเครื่องเลเซอร์ ขณะที่ยังมีรายได้ประจําจากกลุ่มลูกค้าตามโครงการภาครัฐ เพราะปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มลูกค้าประกันสังคม จึงมีความได้เปรียบด้านขนาดและราคาจากการจัดซื้อสินค้าของกลุ่มโรงพยาบาลโดยผ่านฝ่ายจัดซื้อกลาง

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ BCH มีความแข็งแกร่ง คือ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอย่าง นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ มีประสบการณ์ในการบริหารโรงพยาบาลมากกว่า 20 ปี และมีส่วนร่วมในการบริหารงานด้านสาธารณสุข ระดับประเทศ ขณะที่ยังมีมีคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางครบทุกสาขา และถือว่าเป็นเครือโรงพยาลาลที่มีอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีระดับสูง เช่น เครื่องมือทางการแพทย์สําหรับศูนย์ หัวใจ ศูนย์สุขภาพผิวและความงาม เครื่องรักษาสายตาด้วยแสงเลเซอร์ (เลสิก) และเครื่องส่องตรวจระบบทางเดินอาหาร ส่วนบนและล่างผ่านระบบจอภาพ

และกลุ่มโรงพยาบาลทั้ง 9 สาขาได้ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 version 2000 และอยู่ในกระบวนการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (Hospital Accreditation) โดยได้รับการ Re-accredit HA 3 แห่ง อยู่ระหว่างการ Re-accredit HA ‑แห่ง และอยู่ระหว่างขั้นตอนการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (accredit HA) อีก 2 แห่ง ซึ่งการได้รับรองคุณภาพเหล่านี้จะทำให้โรงพยาบาลในเครือได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมาก

สะท้อนให้เห็นในแง่ของผลประกอบการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเครือ BCH มีกำไรสุทธิที่ปรับตัวขึ้นในทิศทางที่ดี โดยผลประกอบการปี 2565 มีกำไรสุทธิ 3,038.91 ล้านบาท ซึ่งกลับมาฟื้นตัวเมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 และ 2563 ที่ได้รับผลกระทบในช่วง COVID-19 ซึ่งในช่วงนั้นกำไรสุทธิจะอยู่เพียงระดับ 1 พันล้านบาทเท่านั้น เพราะรายได้ของลูกค้าต่างชาติได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ

ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของ BCH ในปี 2566 คาดการณ์ว่าจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาดำเนินธุรกิจ และการใช้ชีวิตประจำวันหลังจากการกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยได้มีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศให้สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และทำธุรกิจได้ตามปกติโดยเฉพาะการเปิดประเทศของจีน และการเปิดด่านของเมียนมา

นอกจากนี้ไทยยังมีการปรับหลักเกณฑ์วีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ คือ การให้ฟรีวีซ่า 30 วัน สำหรับชาวซาอุดิอาราเบีย และวีซ่าพำนักระยะยาวสำหรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ รวมถึงการอนุมัติหลักการค่าธรรมเนียมวีซ่าเพื่อการรักษาพยาบาล ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนให้ผู้ป่วยต่างชาติเลือกเดินทางมาใช้บริการรักษาพยาบาลในไทยมากขึ้น ซึ่งทาง ‘นพ.เฉลิม’ ได้เคยประเมินเอาไว้ว่าในปี 2566 ลูกค้าชาวต่างชาติจะเพิ่มเกิน 8 หมื่นราย

และอีกหนึ่งปัจจัยหนุนภายในประเทศ คือ เมื่อเดือนเม.ย.2566 ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมได้ประกาศปรับอัตราค่าบริการเหมาจ่ายรายหัว (Basic Capitation) เป็น 1,808 บาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากเดิม 1,640 บาท (มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.2566) ซึ่งประเด็นนี้จะส่งผลให้รายได้ค่าบริการเหมาจ่ายรายหัวต่อผู้ประกันตนตามโครงการประกันสังคมของโรงพยาบาลสูงขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้เมื่อมองไปถึงแผนในระยะยาว ทาง BCH ยังมีแผนเดินหน้าในการผลักดันรายได้จากคลินิกพิเศษ อย่างศูนย์เวลเนส (Wellness Center) ศูนย์ศัลยกรรม และผลักดันคลินิกเด็กหลอดแก้ว (IVF) และศูนย์มะเร็งด้วย โดยศูนย์มะเร็งคาดการณ์ว่าจะเปิดในปี 2567 รวมไปถึงการขยายโรงพยาบาลต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบอร์ด BCH มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อที่ดินที่ตั้งอยู่ที่ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ 25 ไร่ ในมูลค่า 350 ล้านบาท ซึ่งจะถูกใช้ในการขยายกิจการโรงพยาบาลแห่งใหม่ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ สุวรรณภูมิ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2567 และเปิดให้บริการภายในปี 2569

ทั้งหมดนี้เป็นจุดแข็งของโรงพยาบาลในเครือ BCH ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสรออยู่ทั้งจากกฏเกณฑ์ของทางภาครัฐ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ซึ่งจะทำให้การใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และลูกค้าประกันสังคมที่เป็น Revenue Intensity ของ BCH

ที่มา : SET , BCH

เขียนและเรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#TheBusinessPlus #Businessplus #BusinessPlus #นิตยสารBusinessplus #Business #SET #โรงพยาบาล