บาร์บีคิว พลาซ่า (บาร์บีกอน) เคลียร์ ดราม่า ขึ้นชื่อร้านสะกดผิด และชื่อเมนูผิด ยันตั้งใจ!! ฉีกกรอบการทำธุรกิจด้วยแนวคิดแปลกใหม่ พร้อมควบคู่กับการตอบแทนสังคม…
highlight
- การทำชื่อในเมนูและป้ายหน้าร้านให้เหมือนเขียนสะกดผิด คือส่วนหนึ่งของแคมเปญ Bar B Q PLAZA X Limited Education ที่มีจุดประสงค์เพื่อให้คนสนใจปัญหาเรื่องการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย
- การทำงานแบบนี้ คือการทำงานแบบที่เรียกว่า “ไม่มีกรอบ” ของบาร์บีคิวพลาซ่า เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น และทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือกรอบ รวมทั้งคนที่เป็นผู้นำ ก็ต้องพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังไอเดียได้ทุกรูปแบบ
บาร์บีกอน เคลียร์ชัด ไม่ได้ผิดพลาด แต่ตั้งใจ!!
กลายเป็นประเด็นดราม่าทางสื่อโซเซี่ยล เมื่อป้ายแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่ากลายเป็นคำว่า “บาบีคิ้วพาซ่า” ไม่ใช่ “บาร์บีคิวพลาซ่า” อีกทั้งเมื่อเข้าไปนั่งกินอาหารในร้าน ยังพบคำสะกดเมนูผิดอีก งานนี้จึงเป็นเผือกร้อนถึงผู้บริหาร
โดยได้ออกมาเฉลยว่า จริง ๆ แล้วเป็นความตั้งใจของแบรนด์ที่อยากจะสื่อสารว่า บาร์บีคิวพลาซ่า เป็นองค์กรของการทำงานที่ไม่มีกรอบ และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความสร้างสรรค์ของบริษัทฯ
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การทำชื่อในเมนู และป้ายหน้าร้าน ให้เหมือนเขียนสะกดผิด คือส่วนหนึ่งของ แคมเปญ Bar B Q PLAZA X Limited Education

ที่มีจุดประสงค์เพื่อให้คนสนใจปัญหาเรื่องการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย ที่ปัจจุบันพบว่ายังมีหลายคนที่ยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ ผ่านลูกเล่นของการสะกดผิด และฟ้อนท์ที่น่ารักแทนการเขียนของเด็ก ๆ
“บาร์บีกอนต้องการที่จะตอกย้ำถึงเป้าหมายของแบรนด์ที่จะเดินหน้าให้การสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่เด็ก และเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง“
“เรามักพูดกันบ่อย ๆ ว่า เด็กคืออนาคตของชาติ และการสร้างเด็กเพื่อจะเป็นอนาคตของชาติได้ดีที่สุดก็คือ การศึกษา แต่เราก็พบว่ายังมีช่องว่างทางการศึกษาของไทยค่อนข้างมากทีเดียว ที่สำคัญ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ยังขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่จำเป็น ทำให้มีผลต่อการอ่านออกเขียนได้ของเด็ก” บุณย์ญานุช กล่าว
เรื่องนี้สำหรับ บาร์บีคิวพลาซ่าในฐานะที่เราเป็นแบรนด์ของคนไทย ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนไทยมาโดยตลอด ทั้งการสนับสนุนด้านทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลานของพนักงาน เปิดโอกาสให้กับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ได้ร่วมฝึกประสบการณ์วิชาชีพภายในองค์กร
และยังได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนฟู้ดแพชชัน” เพื่อยกระดับคุณวุฒิวิชาชีพให้กับพนักงานในองค์กรได้ศึกษาต่อในระดับ ปวช. สาขาธุรกิจค้าปลีก ด้านงานธุรกิจร้านอาหาร และภัตตาคาร
โดยได้การรับรองวุฒิการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งเหล่านี้ได้ตอกย้ำถึงเป้าหมายของแบรนด์ที่จะเดินหน้าให้การสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง และนี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่เราเข้าร่วมในโครงการดี ๆ โครงการนี้
จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2558 มีเด็กไทยกว่า 270,000 คน ที่ยังเขียนหนังสือไม่ได้ และมีเด็กกว่า 140,000 คน ที่อ่านหนังสือไม่ออก ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไทยสนใจและให้ความสำคัญกับปัญหาด้านการศึกษาของเยาวชนมากขึ้น
ประกอบกับแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า เล็งเห็นว่าโครงการดังกล่าว มีแนวคิดที่ดีและน่าสนับสนุน จึงตัดสินใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาเรื่องการศึกษาผ่านโครงการดังกล่าวนี้
“แคมเปญนี้เป็นแคมเปญที่มีความน่ารัก มีเส้นของความครีเอทีฟอยู่ด้วย รวมทั้งเป็นแคมเปญที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่อยากเป็นร้านอาหารที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน“
การนำเอาลายมือเด็ก ๆ มาใช้ ซึ่งมีความน่ารักมีความใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ก็สะท้อนถึงเรื่องจริงที่น่าสะเทือนใจว่ายังมีเด็กหลายคนที่ยังเขียนไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นแคมเปญที่พูดเรื่องปัญหาสังคมได้อย่างสร้างสรรค์
และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้พร้อมกัน ซึ่งสิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิดของเราอยู่แล้ว ส่วนเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจในการเปลี่ยนป้ายหน้าร้านที่สร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นนั้น บุณย์ญานุช เล่าว่า เราอยากให้แคมเปญนี้เข้าถึงลูกค้าและผู้บริโภคมากที่สุด
ซึ่งเรามองว่า ร้านของเราเป็นเหมือนสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และลูกค้า ดังนั้นจึงเลือกใช้ร้านเป็นพื้นที่ในการสื่อสาร ในขณะที่การเลือกปรับชื่อป้ายหน้าร้านใหม่ บุณย์ญานุช กล่าวเสริม
ผ่านมานั้น คนทำแบรนด์ส่วนใหญ่มักจะหวงแหนชื่อร้าน ชื่อแบรนด์ และโลโก้อย่างมาก และอาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้เลย ดังนั้น เมื่อเราคิดว่าจะต้องทำอะไรเพื่อสร้างการรับรู้ของแคมเปญให้ได้มากที่สุดกับคนในวงกว้าง จึงตัดสินใจเปลี่ยนตรงจุดที่สำคัญที่สุด
ฉีกกรอบธุรกิจแบบเดิม ๆ เพื่อไอเดียที่แปลกใหม่
การทำงานแบบนี้คือการทำงานแบบที่เรียกว่า “ไม่มีกรอบ” ของบาร์บีคิวพลาซ่า เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น และทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือกรอบ รวมทั้งคนที่เป็นผู้นำก็ต้องพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังไอเดียได้ทุกรูปแบบ
ทำให้เกิดความกล้าที่จะเสนอไอเดียแปลกใหม่อย่างที่ไม่มีใครกล้าทำตรงจุดนี้มาก่อน เราจึงเลือกการเปลี่ยนชื่อหน้าร้านใหม่จากคำว่า “Bar B Q Plaza” มาเป็น “บาบีคิ้วพาซ่า” แทน เราเชื่อว่าการเปลี่ยนป้ายชื่อในลักษณะดังกล่าว จะทำให้เกิดเป็นบทสนทนาเรื่องการสะกดผิดของเด็กที่ไม่รู้หนังสือในวงกว้าง โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์
และนั่นก็จะทำให้คนหันมาสนใจ และตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นหากเด็กไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เพียงพอ และนี่คือที่มาว่าทำไมเราถึงเปลี่ยนป้ายชื่อ
แต่ก็เพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ คือ 1 อาทิตย์ เท่านั้น โดยดำเนินการเปลี่ยนป้ายเริ่มในวันที่ 1 กันยายน และเสร็จสิ้นในวันที่ 8 กันยายน ซึ่งถือเป็น “วันการรู้หนังสือสากล” จัดตั้งขึ้นโดย องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ทั้งหมดก็เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนในสังคมตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่รู้หนังสือของประชากรในประเทศ
ส่วนเป้าหมายที่อยากจะเห็นความสำเร็จของแคมเปญนี้ นอกเหนือจากเป้าหมายในการสร้างการรับรู้ให้กับสังคมเรื่องการขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาของเด็กไทยแล้ว บาร์บีคิวพลาซ่า ในฐานะผู้เข้าร่วมโครงการ ก็อยากมีส่วนช่วยให้คนได้รู้จักโครงการ Limited Education ด้วยว่าที่มาที่ไปอย่างไร มีวิธีการหรือรูปแบบในการนำเสนอปัญหาด้านโอกาสทางการศึกษาผ่านการสะกดผิดอย่างไร ความตั้งใจของโครงการเป็นอย่างไร
เพื่อที่ว่าในปีต่อ ๆ ไป คนจะให้การสนับสนุน และสานต่อโครงการเพื่อเกิดประโยชน์แก่เด็กไทยในวงที่กว้างขึ้น และครั้งนี้ สำหรับ บาร์บีคิวพลาซ่า นอกจากจะช่วยเรื่องการสร้างการรับรู้ของแคมเปญแล้ว ยังจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่ได้จากการขาย 3 เมนูของหวาน ได้แก่ ไอศกรีมบัวลอยไข่เค็ม เยลลี่กาแฟ และชาเย็นโฟลต และสินค้าพรีเมี่ยม กระเป๋า บาร์บีกอน เพื่อร่วมมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ที่ขาดโอกาสด้านการศึกษาอีกด้วย
“รูปแบบการสนับสนุนแคมเปญครอบคลุมทั้งในแง่มุมของลูกค้า ธุรกิจ และสังคม”
สำหรับรูปแบบการสนับสนุนแคมเปญดังกล่าว ถูกคิดขึ้นบนหลักการที่ครอบคลุมทั้งในแง่มุมของลูกค้า ธุรกิจ และสังคม
- “ลูกค้า” ต้องวิน เมื่อลูกค้าเข้าร้านได้รับประโยชน์ในการสั่งอาหารที่ได้ทานตามต้องการแล้ว แต่มากกว่านั้นลูกค้ายังมีส่วนช่วยสนับสนุนเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษาผ่านการทานอาหารในเมนูมูลค่าแค่หลักสิบ แต่ก็ได้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจกับการได้ร่วมทำบุญด้วย
- “ธุรกิจ” ร้านได้โอกาสนำเสนอเมนูที่ลูกค้าอาจจะไม่เคยได้มาลอง ได้แก่ ของหวานในร้าน อีกทั้งยังได้นำเอากระเป๋าบาร์บีกอนมาให้คนที่ชอบ ได้เป็นเจ้าของในราคาพิเศษและร่วมทำบุญไปพร้อม ๆ กันด้วย
- “สังคม” คือการที่นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งจากการขายเมนูขนมหวานและกระเป๋าบาร์บีกอน ไปมอบเป็นทุนในการสนับสนุนโครงการ Limited Education เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการศึกษาสำหรับเด็กต่อไป
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราอยากสร้างให้แคมเปญนี้ได้กระตุ้นความคิดของผู้คน โดยไม่จำเป็นต้องมาเป็นลูกค้าในร้านหรือจะต้องมาร่วมกับโครงการนี้เพียงอย่างดี แค่เห็นป้ายหน้าร้านแล้วรู้สึกว่าอยากจะไปช่วยเด็กและเยาวชน ก็สามารถออกไปต่อยอดทำในมุมอื่น ๆ ตามสะดวกก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากตัวคุณเองหรือว่าในนามองค์กร หรือแม้แต่ผู้ประกอบการ พาร์ทเนอร์ด้านธุรกิจต่าง ๆ หากเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีก็อยากชักชวนให้ช่วยกันทำ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดถ้าเราช่วยกัน มั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ได้กลับมาก็คือผลประโยชน์ของประเทศชาติและเยาวชนของชาติในอนาคตนั่นเอง”
และไม่เพียงแค่แคมเปญนี้เท่านั้นแต่เร็ว ๆ นี้ บาร์บีคิวพลาซ่ายังมีแคมเปญส่งเสริมด้านการศึกษาอื่น ๆ อีกซึ่งอยากให้รอติดตามต่อไป บุณย์ญานุช กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับโครงการ Bar B Q PLAZA X Limited Education เกิดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “ยิ่งชอป ยิ่งลด” (ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา) โดยแคมเปญดังกล่าวจะมีไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ถึง 30 กันยายนนี้
โดยจะนำรายได้จากการขายขนมหวาน 3 เมนู และกระเป๋าบาร์บีกอน ร่วมสมทบทุนในโครงการดังกล่าว #พี่มังก้อนช่วยน้อง #LimitedEducation
*ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/barbqplazathailand
ส่วนขยาย
* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: วิทยา กิจชาญไพบูลย์ (บรรณาธิการบริหาร) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่