AP ไม่มีถอย ยังเดินหน้าเข้มแข็ง โชว์ยอดโอนไตรมาส 2 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ แบ็คล็อกอีกกว่า 56,100 ล้าน พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ ‘อภิทาวน์’ โครงการแนวราบรุก 5 จังหวัดหัวเมืองใหญ่

หลังหลายอุตสาหกรรมต้องฝ่าฟันสู้วิกฤตโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีแรกกันมาอย่างทุลักทุเล วงการอสังหาฯ เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวอย่างหนัก หลายดีเวลลอปเปอร์ต่างต้องงัดไม้ตายออกมาวัดกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะออกโปรโมชั่นมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามกระแส New Normal การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด หรือปรับกลยุทธ์องค์กรกันใหม่เพื่อสอดรับการทำงานแบบ Work From Home ไปด้วย

เมื่อวีถีชีวิตและการทำงานเปลี่ยนไปทุกส่วน ทำให้เกิดความยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้น บวกกับสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลงเรื่อย ๆ จากมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระทบทุกภาคส่วนอย่างรุนแรง ผู้คนระมัดระวังการใช้เงิน และชะลอการตัดสินใจซื้อของ หรือสินทรัพย์มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่อาจทำให้ตลาดอสังหาฯ ซบเซาอย่างแน่นอน

ครึ่งปีแรกของ AP กับการสู้วิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลดีให้ครึ่งปีหลัง

แต่หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ช่วงปีหลัง ผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาหลายดีเวลลอปเปอร์มีแนวโน้มที่ดีกว่าที่คิด แม้ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่คาด ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่นับเป็นผลสำเร็จที่น่าพอใจ และถือว่าดีกว่าที่คาดไว้มาก

“วิกฤตครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ความผิดพลาด และแก้ไขมันไปทีละสเต็ป สิ่งสำคัญคือเราต้องปรับตัวและยืดหยุ่น และทำสิ่งที่อยู่ในมือให้ดีที่สุดก่อน จากนั้นก็นำบทเรียนจากไตรมาที่แล้ว มาปรับใช้เพื่อพัฒนาเพื่อในไตรมาสปัจจุบัน”

คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ เล่าให้ฟังถึงการปรับตัวขององค์กรในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า AP ยังเป็นแบรนด์ที่เดินหน้าอย่างเข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ไม่ว่าจะต้องเจอกับวิกฤตใด ๆ ก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น คุณวิทการ ยังแถลงการณ์ถึงผลประกอบการของครึ่งปีแรกที่กวาดยอดขายไป 15,085 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 14 โครงการ  มูลค่า 15,500 ล้านบาท และจากโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการขายอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 70,000 ล้านบาท โดยมองว่าที่เซนติเมนต์ลูกค้ายังเป็นบวก และดีมานด์คอนโดยังไม่หายไป เพราะความคุ้มค่าของสินทรัพย์มีมากกว่าการลงทุนรูปแบบอื่น

จากการ “ปรับตัว ยืดหยุ่น เพื่อไปต่อ” สู่ยอดโอนไตรมาส 2 มากที่สุดในประวัติศาสตร์

จากยอดขายที่ทำได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 63 เท่ากับ 15,085 ล้านบาทนั้น คิดเป็น 45% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปี คือ 33,500 ล้านบาท ซึ่งเดิมบริษัทฯ คาดการณ์ไว้ว่าไตรมาส 2 ปีนี้ อาจเป็นจุดต่ำสุดของปี เพราะพิษโควิด-19 แต่ในความเป็นจริง กลับมียอดโอนที่ทำได้มากกว่ายอดโอนสูงสุดในไตรมาสเดียวกันเมื่อปี 61 คือ10,000 ล้านบาท และมากกว่าไตรมาส4 ปี 59 ที่เคยทำได้ 11,500 ล้านบาท เรียกว่าเป็นไตรมาส 2 ของปีที่มียอดโอนมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของ AP สวนกระแสเศรษฐกิจขาลง

“จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เปรียบเหมือนเป็นซูเปอร์โนวาที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก สร้างผลกระทบที่ใหญ่และรุนแรงกว่าวิกฤตครั้งไหนในอดีต ซึ่งตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ ดำเนินงานด้วยความระมัดระวังควบคู่ไปกับการปรับแผนงานให้สอดรับกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยมี EMPOWER LIVING เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญขององค์กร ที่สนับสนุนให้ทุกคนในสังคมสามารถเติมเต็มทุกเป้าหมายชีวิตได้ตามที่ปรารถนา (Fulfill Life Purpose) ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต” คุณวิทการ กล่าว

เทคโนโลยีและนวัตกรรม การลงทุนที่คุ้มค่าและได้ผลในระยะยาว

หัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กรของ AP ให้แข็งแรงและมั่นคง นอกจากการเตรียมความพร้อมของคนในองค์กรให้มีเป้าหมายและการทำงานที่แน่ชัดในทุกสถานการณ์แล้ว ต้องมีการบริหารกระแสเงินสดให้ดีที่สุด ที่สำคัญต้องใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่อยอดสิ่งที่ทำ โดยนำมาช่วยกระตุ้นงานขายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมกับช่วยในด้านความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ซึ่งในฐานะดีเวลลอปเปอร์ที่สร้างโครงการที่อยู่อาศัยที่มีฟังก์ชั่นมาก การนำ Innovation เข้ามาใช้ และสร้างขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มต่อได้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ลงทุนครั้งเดียว แต่ใช้ได้ในระยะยาว

โดยนวัตกรรมที่ AP นำมาใช้ คือ vTOUR ที่ชวนลูกค้าเยี่ยมชมโครงการออนไลน์แบบเรียลไทม์ ได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนได้เข้าชมโครงการจริงด้วยตัวเอง พร้อมการดูแลส่วนตัวโดยเจ้าหน้าที่ Living Consultant ผู้คอยให้คำปรึกษาด้านที่อยู่อาศัยประจำแต่ละโครงการ อย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวตลอดการเข้าชม

KATSAN  เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมของ AP ที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต จัดการความปลอดภัยภายในหมู่บ้านพักอาศัย ช่วยคัดสรรบุคคลภายนอกที่จะเข้าสู่โครงการ โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัยใหม่อย่าง Computer Vision และการประมวลผลผ่าน AI อัจฉริยะที่เชื่อถือได้อย่างแม่นยำ) ตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลการเคลื่อนไหวหรือความปลอดภัยทั้งหมด จะถูกส่งไปยังเจ้าของบ้าน (User) ทีมบริหารจัดการหมู่บ้าน (Property Management) และส่วนงานรักษาความปลอดภัย (Security Team) ให้รับทราบผลพร้อมกันทั้ง 3 ส่วนทันที

AP มั่นใจมาตรฐาน ครึ่งปีหลัง ลุยเปิดโครงการแนวราบ “อภิทาวน์” 5 จังหวัดหัวเมืองใหญ่

“จริง ๆ AP โตจากแนวราบอยู่แล้ว ตลอด 30 ปี มีดีมานด์อยู่ตลอด และขยายขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาดเองก็แข่งขันกันมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งทำเล หรือสถานการณ์ตอนนี้ ทำให้คนมีโอกาสได้มองหาบ้านที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่มากขึ้น ในครึ่งปีหลังนี้เราเลยเปิดตัวโครงการแนวราบใน 5 จังหวัด ด้วยแบรนด์ ‘อภิทาวน์’ มูลค่ารวม 4,700 ล้านบาท คือนครศรีธรรมราช ระยอง อยุธยา ขอนแก่น และเชียงราย ในรูปแบบโครงการแบบมิกซ์ โปรดักส์ (Mix Products) ตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งในแบบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 1.5 – 9 ล้านบาท”

“ทั้ง 5 โครงการจะผสาน 2 จุดแข็งหลัก ได้แก่ 1. การเป็นผู้นำในเรื่องของสเปซดีไซน์ (Leading in SPACE Design) โดยรูปแบบบ้านในแต่ละโครงการจะได้รับการออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละจังหวัดตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model และ 2. Tech-Life Management การนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ในการอยู่อาศัย ด้วยการติดตั้งนวัตกรรมคัดสรรภายในโครงการ” คุณวิทการ กล่าวพร้อมกับบอกว่า ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ อีก 21 โครงการโดยเป็นบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 7,970 ล้านบาท และทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 13,330 ล้านบาท รวมครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท

ปีทองของการแข่งขันโครงการแนวราบ ที่คอนโดฯ ก็ยังเติบโตได้ดี

AP ยังคงเดินหน้าดำเนินงานตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW  ที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ด้วยการเดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยคุณภาพให้ครอบคลุมความต้องการของคนไทยที่มากขึ้น แม้ปีนี้จะมองเห็นโอกาสในการแข่งขันในแนวราบมากเป็นพิเศษ แต่สำหรับสินค้าคอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลังก็ยังอยู่ในแผน ทั้งโครงการที่รอส่งมอบเร็วๆนี้ 2 โครงการ คือ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9,800 ล้านบาท สถานะยอดขาย 94% และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ยอดขาย 95% ยังมีแบ็คล็อกคอนโดมิเนียมที่รอรับรู้ไปในอีก 3 ปีข้างหน้า (จนถึงปี 2566) มูลค่ามากถึง 42,915 ล้านบาท และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอีก 18 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 21,000 ล้านบาท

คุณวิทยายังบอกอีกว่า “เรามั่นใจว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะส่งผลให้ผู้ซื้อคอนโดฯ เพื่อลงทุนระยะสั้น ชะลอการตัดสินใจลงทุน แต่ลูกค้ากลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว ก็ยังคงเห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น เราจึงยังเติบโตต่อไปได้และยังทำงานกันตามแผนเดิม ซึ่งหากสถานการณ์หลังจากนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น หรือมีแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐมากกว่านี้ เราคงได้มีโอกาสเปิดตัวโครงการมากขึ้นอีก”

อย่างไรก็ตาม ภายในปีนี้ AP คาดว่าจะมีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) ทั้งหมดมูลค่า 56,149 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 13,234 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม มูลค่า 42,915 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 15,602 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566