Aesop แบรนด์สกินแคร์ชื่อดังจากเมลเบิร์น ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน แต่ตกแต่งหน้าร้านไม่เหมือนกันสักสาขา

หากพูดถึงแบรนด์สกินใครในใจ สำหรับหลาย ๆ คนแล้วต้องมีตัวเลือกอย่างแบรนด์ ‘Aesop’ อยู่แน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม พร้อมกับมีบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายโดดเด่น ด้วยสีขาว-ดำ พร้อมกับการตกแต่งหน้าร้านที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละสาขา ทำให้ไม่ว่าจะขยายธุรกิจไปประเทศใดก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีกลับมาเสมอ

แล้วเรื่องราวความเป็นมาของ Aesop เป็นอย่างไร? ทำไมถึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก?

ย้อนกลับไปในปี 1987 ณ เมืองเมลเบิร์นประเทศออสเตรเลีย Aesop ได้เปิดตัวครั้งแรกขึ้น โดยผู้อยู่เบื้องหลังอย่างคุณ Dennis Paphitis (ช่างทำผม) ที่เริ่มคิดค้นผลิตภัณฑ์จากการผสมน้ำมันหอมระเหยลงในครีมบำรุงผมต่าง ๆ และนำออกให้ลูกค้าทดลองใช้ พร้อมกลับมาพัฒนาจนสมบูรณ์แบบ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลัก ๆ 4 รายการ ถูกบรรจุลงในฉลากขาวดำที่เป็นเอกลักษณ์จดจำง่าย จนถึงทุกวันนี้

ภายหลังจากนั้นแบรนด์ก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเรื่อย ๆ โดยเน้นการใช้ส่วนผสมธรรมชาติที่ลงตัวมีกลิ่นสมุนไพรที่คงอยู่ โดยหลายสูตรมุ่งเน้นไปที่การใช้ในกิจวัตรประจำวันทุกวันโดยไม่รู้สึกซ้ำจำเจ และกระตุ้นความรู้สึกของกลิ่นหอมที่น่าหลงใหล และที่สำคัญคือไม่ทดลองในสัตว์ พร้อมกับการบรรจุผภัณฑ์ที่ลดการใช้กล่อง ทำให้ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ภายในจำนวนเกือบ 100 รายการให้เลือกซื้อ

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นสกินแคร์ระดับพรีเมียมทำให้ร้านอาหาร หรือห้างหรู มักเลือกใช้สบู่ของ Aesop ในห้องน้ำเสมอเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า หรือกลุ่มลูกค้าที่ได้ลองใช้อาจชอบกลิ่นและจดจำแบรนด์มาเพื่อเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ของ Aesop ได้อีกด้วย ซึ่งราคาผลิตภัณฑ์ Aesop ในไทยเริ่มต้นตั้งแต่ 570 บาท ขึ้นไป จัดเป็นสินค้าพรีเมียมที่ราคาจับต้องได้

ทั้งนี้ การตกแต่งร้านของ Aesop แต่ละสาขาทั่วโลกจะแตกต่างกันไป โดยจะมุ่งเน้นตกแต่งให้เข้ากับพื้นที่และประเทศนั้น ๆ รวมถึงโทนเข้ากับแบรนด์มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นกลิ่น สี แสงไฟ กลมกลืนไปเข้ากัน ดูเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ซึ่งในปัจจุบัน มีสาขาทั่วโลกแล้วกว่า 320 สาขาทั่วโลก

และในปี 2016 บริษัท Natura & Co จากบราซิล ซึ่งเป็นเจ้าของ Avon และ The Body Shop ได้เข้าซื้อธุรกิจ Aesop โดยที่ยังคงให้คุณ Paphitis เป็นที่ปรึกษาและดูแลแบรนด์อยู่ ซึ่งในปี 2021 บริษัทมีมูลค่าประมาณ 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดขายของ Aesop เพิ่มขึ้น 33.4% ซึ่งในช่วง COVID-19 ก็เติบโตจากการขายออนไลน์มากถึง 250% โดยเฉพาะการขายในประเทศจีน

ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน จึงไม่แปลกเลยที่ Aesop มักจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั่วทุกมุมโลกเสมอ

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า Parsley Seed Anti-Oxidant Serum เป็นที่ยอดนิยมจนสามารถขายได้ 1 ขวดทุก ๆ 9 นาทีเลยทีเดียว

 

ที่มา : Aesop, voguebusiness, naturaeco, peachesandblush

เขียนและเรียบเรียง : อโญศิริ สุระตโก

 

Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS

 

IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.thailand/

 

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #Aesop