สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เปิดรายงานการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำปี 2568 (UNCTAD Trade and Development Report 2025) ระบุว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับสภาวะชะลอตัวและความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้า แต่ในขณะเดียวกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีสัญญาณบวกจากการขยายตัวของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศไทยที่ยังมีความโดดเด่นในฐานะประเทศที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยครองอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Global South) ด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ส่งออก และติดอันดับต้น ๆ ของโลกในด้านความหลากหลายของคู่ค้าซึ่งเป็นเกราะป้องกันสำคัญจากพายุภาษีศุลกากรและความผันผวนทางการเงินโลก ที่พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมสีเขียวและบริการดิจิทัลของอาเซียน

นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าผ่านนโยบายภาษี แต่ในขณะเดียวกันภูมิภาคอาเซียนยังคงแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก แม้ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 และ 2569 จะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.6% แต่จากการวิเคราะห์ของ UNCTAD พบว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนารวมถึงอาเซียนยังคงมีสัญญาณบวก โดยคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 4.3% ในปี 2568 และ 4.2% ในปี 2569 ซึ่งถือเป็นกลไกหลักที่ช่วยประคองการเติบโตของโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่รายงานระบุชัดเจนว่ายืนอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบที่สุดจุดหนึ่งในกลุ่มประเทศ Global South และมีความโดดเด่นอยู่ที่การครองอันดับ 1 ในดัชนีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ (Trade Product Diversity Index) อาทิ ความสามารถในการกระจายฐานการส่งออกครอบคลุมทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมการผลิต และสินค้าแปรรูปมูลค่าสูง ด้วยคะแนน 1.02 ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก ซึ่งความหลากหลายนี้จะเป็นเกราะป้องกันทางการค้าที่สำคัญ เมื่อต้องเผชิญกับพายุภาษีศุลกากรใหม่จากสหรัฐฯ แม้ไทยจะได้รับผลกระทบจากภาษีเพิ่มเติมในอัตราประมาณ 10% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในกลุ่มคู่ค้าที่ถูกเรียกเก็บใหม่ แต่การมีฐานสินค้าและคู่ค้าที่หลากหลายจะช่วยให้ไทยปรับตัวและสลับไปใช้ตลาดทดแทนได้ทันทีเมื่อเกิดความผันผวน พร้อมทั้งเอื้อให้ประเทศไทยสามารถในการปรับสมดุลและบริหารความเสี่ยงทางการค้าได้ดี และรองรับแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ จากรายงาน TDR 2025 ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงภาวะที่ภาคการเงินเข้ามามีบทบาทเหนือภาคการผลิตจริง (Financialization) โดยเฉพาะในตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งไทยเป็นผู้เล่นหลัก ปัจจุบันรายได้ของบริษัทค้าอาหารยักษ์ใหญ่ทั่วโลกกว่า 75% มาจากการเป็นตัวกลางทางการเงินมากกว่าการขายสินค้าจริง ภาวะนี้ส่งผลให้ราคาเกิดความผันผวนและกระทบต่อเกษตรกรต้นน้ำโดยตรง ประกอบกับปรากฏการณ์การเร่งส่งออกล่วงหน้า (Frontloading) เพื่อเลี่ยงภาษีในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ที่กำลังจะหมดลง ยิ่งซ้ำเติมให้การค้าโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวที่แท้จริง ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยและประชาคมอาเซียนให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องเน้นแนวทางปฏิบัติเชิงรุก ผ่านการสร้างความร่วมมือในภูมิภาค ควบคู่ไปกับการสร้างห่วงโซ่คุณค่าในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเศรษฐกิจสีเขียว นอกจากนี้ รายงานยังชี้ชัดว่าการค้าบริการกำลังเติบโตเร็วกว่าการค้าสินค้าแบบดั้งเดิม ไทยและอาเซียนจึงต้องเร่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อคว้าโอกาสในกลุ่มบริการออนไลน์ (Digitally Deliverable Services) ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ในการสร้างความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในปี 2569 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุม IMF-World Bank Annual Meetings ที่จะเป็นเวทีสำคัญในการประกาศวิสัยทัศน์ของไทยและอาเซียนในการแสดงความพร้อมเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและบริการดิจิทัลของโลกใต้เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

“สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD ในฐานะหน่วยงานที่เป็นสะพานเชื่อมโยงองค์ความรู้ระดับโลกเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการค้าและการพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย มุ่งมั่นที่จะใช้ข้อมูลเชิงลึกจากรายงานดังกล่าวเป็นแนวทางสำคัญในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ให้สามารถปรับตัวและเข้าถึงข้อมูลการตลาดเชิงลึก เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่อความผันผวนของเศรษฐกิจ พร้อมทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการผลักดันและพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรทางการค้าให้ก้าวทันกระแสความเปลี่ยนแปลง ผ่านการจัดการศึกษาอบรม การสร้างสรรค์ผลงานวิชาการที่ตอบโจทย์การแข่งขันในภูมิภาค และสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยแก่บุคลากรของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างเสริมศักยภาพและความสามารถของประเทศกำลังพัฒนาให้เติบโตและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น” นายสุภกิจ กล่าวสรุป
สำหรับรายงานการค้าและการพัฒนา (Trade and Development Report หรือ TDR) เป็นรายงานเรือธงประจำปีของ UNCTAD ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก การค้าระหว่างประเทศ และการเงินเพื่อการพัฒนา โดยรายงานฉบับปี 2025 ภายใต้หัวข้อ On the Brink: Trade, Finance and the Reshaping of the Global Economy ได้มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์จุดเปลี่ยนสำคัญของโครงสร้างเศรษฐกิจโลก สำหรับผู้สนใจสามารถอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ On the brink: Trade, finance and the reshaping of the global economy
The Business Plus บิสิเนสพลัส

