เวียตเจ็ทไทยแลนด์ เทคออฟเที่ยวบินโลว์คาร์บอน “กรุงเทพฯ – ฟูโกว๊ก” ก้าวสู่สายการบินโลว์คอสต์รายแรกของไทยที่ใช้น้ำมัน SAF ตั้งเป้าลดคาร์บอน 1.53 แสนตัน ภายใน 6 ปี

สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เดินหน้าตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนในโครงการ “Fly Green” สายการบินต้นทุนต่ำรายแรกในภูมิภาคที่ริเริ่มการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) โดยร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR นำร่องการใช้น้ำมัน SAF ในเที่ยวบินพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดให้บริการเที่ยวบินโลว์คาร์บอน หรือ Green Route เป็นครั้งที่สอง ในเที่ยวบิน “กรุงเทพฯ – ฟูโกว๊ก” ประเทศเวียดนาม โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากเปิดตัว Green Route ครั้งแรกในเที่ยวบิน “กรุงเทพฯ–ดานัง” ในปี 2567 ทั้งนี้ สายการบินฯ มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมัน SAF 5% ในทุกเที่ยวบิน ภายในปี 2573

นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ กล่าวว่า สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ให้ความสำคัญต่อพันธกิจความยั่งยืนในภาคการบิน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดการเติบโตควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดทางสายการบินฯ ได้สานต่อโครงการ Fly Green เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมการบินสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือน้ำมัน SAF ในเที่ยวบินพาณิชย์ เส้นทาง “กรุงเทพฯ – ฟูโกว๊ก” ซึ่งเป็นครั้งที่สองของสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ในการให้บริการเที่ยวบิน Green Route โดยเที่ยวบินนี้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ยประมาณ 250 กิโลคาร์บอน/เที่ยวบิน หรือ 0.9% และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วไป รวมถึงได้รับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานการบินสากล (ASTM D7566) และไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติการบินของอากาศยาน โดยยังคงประสิทธิภาพในการทำงานเทียบเท่ากับน้ำมันเชื้อเพลิง Jet A-1 ตามปกติ ทั้งนี้ การใช้น้ำมัน SAF ไม่เพียงเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมการบิน แต่ยังเป็นโอกาสที่ให้ผู้โดยสารทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสร้างการเดินทางอย่างยั่งยืน เพียงแค่เลือกใช้บริการกับเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ก็เท่ากับได้ร่วมกันลดรอยเท้าคาร์บอนและดูแลโลกไปพร้อมกัน

“เวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังคงเดินหน้าสานต่อพันธกิจลดการปล่อยคาร์บอนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ Fly Green ที่มุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมจากผู้โดยสาร คู่ค้า และพันธมิตรในทุกภาคส่วน ผ่านการส่งเสริมแนวคิดการเดินทางอย่างรับผิดชอบ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการบินสีเขียวในระยะยาว โดยสายการบินฯ มีนโยบายการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนในเที่ยวบินพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อขานรับมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ด้านการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศภายในปี 2593 ทั้งนี้ เวียตเจ็ทไทยแลนด์มีแผนการเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมัน SAF อย่างน้อย 1% ภายในปี 2569 ครอบคลุมทุกเส้นทางบินที่ตลอดจนการศึกษาเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มอัตราการใช้น้ำมัน SAF ในสัดส่วน 5% ผสมกับเชื้อเพลิง Jet A-1 สัดส่วน 95% สำหรับทุกเส้นทางบินภายในปี 2573 โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 153,000 ตัน ในระยะเวลา 6 ปี สะท้อนความมุ่งมั่นของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ในการก้าวสู่การเป็นสายการบินที่สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น”

นายวรเนติ กล่าวต่อว่า การใช้น้ำมัน SAF ในเที่ยวบิน Green Route อาศัยความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทางธุรกิจที่สำคัญอย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR โดยมี บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ด้านความต้องการน้ำมัน SAF ในภาคอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกและภูมิภาค มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

สำหรับประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการผลิตน้ำมัน SAF จากวัตถุดิบชีวภาพหลากหลายชนิด อาทิ น้ำมันพืชใช้แล้ว ขยะชีวมวล เศษวัสดุทางการเกษตร และก๊าซชีวภาพจากของเสีย เป็นต้น ซึ่งนับเป็นจุดแข็งในการพัฒนาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงยั่งยืนในอนาคต อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมัน SAF ยังคงมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปหลายเท่าตัว จึงจำเป็นต้องอาศัยการส่งเสริมพัฒนาเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการสร้างความตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในทุกภาคส่วน ตั้งแต่หน่วยงานภาครัฐ ผู้ผลิตเชื้อเพลิง ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ตลอดจนผู้โดยสารที่มีบทบาทสำคัญในการร่วมกันส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป