4 ปัญหาที่จะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ ยังประสบปัญหาขาดแคลนชิปไปอีกนาน!

ปัจจุบันอุตสาหกรรมรถยนต์ของยุโรปกำลังประสบปัญหาขาดแคลนชิปอย่างหนัก เนื่องจากผู้ผลิตชิปไม่สามารถส่งสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการ ทั้งนี้หากเราสำรวจข้อมูลในตลาดพบว่า ปัจจุบันผู้ผลิตชิปยังลงทุนในการผลิตชิปรุ่นเก่าที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไม่มากพอ

ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมรถยนต์ก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เราได้เริ่มเห็นการหยุดผลิตรถยนต์บางรุ่น

ขณะที่ช่วงกลางปี 2022 การขาดแคลนชิปก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เพราะเจอปัญหารอบด้าน โดยเป็น 4 ปัญหาหลักๆ คือ

1.สงครามรัสเซีย – ยูเครน
2.ปัญหาภูมิศาสตร์ทางการเมือง
3.ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
4.ผู้ผลิตรถยนต์ไม่ยอมระบุจำนวนที่ต้องการชิปอย่างให้ชัดเจน และไม่ยอมสต๊อกสินค้า

โดยปัญหาที่ 4 นี้ เกิดจากการที่ผู้ผลิตไม่ยอมสต๊อกสินค้า แต่ใช้วิธิการสั่งซื้อเมื่อสะดวกหรือต้องการเท่านั้น ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มักใช้การผลิตแบบตามคำสั่งซื้อ (Made-to-order) จึงทำให้ผู้ผลิตชิปเกิดความไม่แน่ใจ เลยหันไปขายชิปให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นแทน เช่น ชิ้นส่วนทางการแพทย์และเครื่องจักรกล

นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ปฏิเสธการจ่ายเงิน หลังจากราคาชิปเพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น (จากการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตชิป) แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงจุดที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องการใช้ชิปแบบที่เลี่ยงไม่ได้แล้วจึงต้องหันไปซื้อชิปผ่านนายหน้า ซึ่งจะยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นไปอีก ตอนนี้เราจึงได้เห็นผู้ผลิตชิป เช่น บริษัท Katek ได้ใช้มาตรการชะลอการผลิต เพื่อรอให้ราคาชิ้นส่วนของชิปปรับตัวลงก่อน

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจการผลิตชิปรถยนต์จะขยายตัวเฉลี่ย 11% จนถึงปี 2026 โดยรถ EV มีความต้องการชิปมากกว่ารถยนต์สันดาป ซึ่งในอนาคตเมื่อมีการนำ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้มากขึ้น ความต้องการซื้อชิปจากผู้ผลิต อาทิ Infineon, ST Microelectronics หรือ NXP ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งคาดการณ์กันว่าในปี 2030 ในรถยนต์ 1 คัน จะมีต้นทุนของชิปที่ประมาณ 1,170 เหรียญสหรัฐฯ (หรือคิดเป็น 44,460 ล้านบาท)

เมื่อมองปัญหารอบข้าง เราจะเห็นว่าการขาดแคลนชิปไม่น่าจะดีขึ้นง่าย ๆ เพราะยังพบปัญหาใหม่ ๆ ซ้ำ เติมอีก ทั้งในเรื่องของความไม่แน่นอนว่าผู้ผลิตชิปของจีนจะมีชิ้นส่วนในการผลิตชิปได้เพียงพอหรือไม่ (พบข้อมูลว่า ปัจจุบันกว่าครึ่งของแผนสร้างโรงงานผลิตชิปในโลก 50% ตั้งอยู่ในพื้นที่ของประเทศจีน)

ซึ่งการที่ประเทศจีนยังไม่มีความแน่นอนนี้ ยิ่งทำให้ปัญหาเหล่านี้ยังไม่จบลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงที่จีนยังคงใช้มาตรการ Zero Covid ซึ่งทำให้ลูกค้าในประเทศต่างๆ เกิดความไม่มั่นใจว่า จีนจะหยุดการผลิตหรือไม่ ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้กระทบเพียงแค่บางประเทศ แต่เป็นผลกระทบไปทั่วโลกเลยทีเดียว

ที่มา : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน

เรียบเรียง : พรรณรุ้ง คุ้มพงษ์พันธ์

ติดตาม Business+ ได้ที่ : https://www.thebusinessplus.com/
Line Business+ ได้ที่ : https://lin.ee/pbIHCuS
IG ได้ที่ : https://www.instagram.com/businessplus.newgen2021/

#Businessplus #Business+ #นิตยสารBusinessplus #ขาดแคลนชิป