11street มั่นใจ 5 ปีคืนทุน พร้อมใช้แคมปัสช่วยผู้ขายออนไลน์

11street ชี้การให้ความรู้กับคู่ค้าเป็นสิ่งสำคัญแม้คนไทยจะค้าขายบนโซเชียลกันอยู่แล้ว แต่ยังขาดประสบการณ์ด้านอื่น เผยที่ผ่านมาได้เปิดแคมปัสเพื่อช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้ทำตลาดบนอีมาเก็ตเพลสอย่างมีประสิทธิภาพ และมีผู้เข้าร่วมกว่า 5,000 คนแล้ว ช่วยให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้กว่า 50% มั่นใจคืนทุนแน่นอนภายใน 5 ปี แต่ในระหว่างนี้จะยังลงทุนต่อเนื่อง

ฮง โชล จอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเลฟเว่นสตรีทประเทศไทย หรือ 11street กล่าวว่า การมุ่งให้ความรู้กับผู้ค้าในตลาดเมืองไทยเป็นเรื่องที่อีเลฟเว่นสตรีทให้ความสำคัญค่อนข้างมาก เพราะมองเห็นว่าผู้ค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันแม้จะมีสินค้าหรือร้านค้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความรู้เรื่องการค้าขายออนไลน์อย่างแท้จริง และถึงแม้จะมีการขายผ่านเฟซบุ๊กและไลน์ แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องประสบการณ์การดูแลลูกค้า การจัดส่งสินค้า การสต็อกสินค้า ที่จะเป็นส่วนช่วยให้การขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

อีเลฟเว่นสตรีทจึงได้จัดให้มีแคมปัสเพื่อจัดการอบรมการขายออนไลน์ และให้บริการถ่ายภาพให้กับผู้ขายฟรี ถือเป็นหนึ่งในการช่วยสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยในการก้าวขึ้นสู่การค้าขายแบบออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีผู้ขายกว่า 5,000 คน ที่ได้เข้ามาอบรมพัฒนาความรู้กับทาง 11street CAMPUS แล้ว

 

“เราพบว่าผู้ขายบางรายมีสินค้าและร้านค้า แต่ไม่มีความรู้ เราเลยคิดว่าต้องมีการสอนออฟไลน์ให้ขึ้นมาอยู่บนออนไลน์ มีการสอนว่าจะให้ขึ้นขายกับเราอย่างไร ซึ่งปัจจุบันอินฟราสตรัคเจอร์ของไทยมีความพร้อมมากแล้ว ซึ่งจากเดิมการเข้ามาขายก็จะสามารถลงทะเบียนแล้วขายได้เลย แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องส่วนประกอบอื่นๆ อาจจะมีการขายผ่านเฟซบุ๊กไลน์ แต่ก็ต้องมีประสบการณ์ว่าจะดูแลลูกค้ายังไง จัดส่งยังไง เราจะช่วยสอน”

 

โดยผู้ค้าที่ผ่านการอบรมและค้าขายออนไลน์กับเราพบว่า การเข้ามาอยู่กับ 11street ทำให้ยอดขายเพิ่ม 50%
สัดส่วนการขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 30-40% ซึ่งการเปิดให้บริการแคมปัสไม่คิดค่าใช้จ่าย ใครก็ได้สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ นอกจากนี้เรายินดีที่จะรับทำโปรแกรมกับมหาวิทยาลัย ที่จะสนับสนุนนักศึกษาที่จะเปิดธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย

 

ฮง โชล จอน กล่าวว่า ด้วยโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นอัตราผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตและโทรศัทพ์มือถือที่สูง รวมไปถึงพฤติกรรมของคนไทยยังใช้เวลาบนโลกออนไลน์เป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค จึงน่าจะส่งผลให้อีคอมเมิร์ซของไทยมีโอกาสเติบโตเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอีเลฟเว่นสตรีทคาดว่าตลาดนี้น่าจะมีมูลค่ารวมประมาณแสนล้านบาทในปีนี้ โดยเราตั้งเป้า 3 ปี มีมาร์เก็ตแชร์ 40% ของตลาดอีคอมเมิร์ซ

 

เช่นเดียวกับในเรื่องของการหาร้านค้าเพิ่มนั้น เราไม่มีนโยบายในการลดลดค่าคอมมิชชันลงเพื่อหาผู้ขายใหม่ เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับตลาดมากกว่า แต่เรามีทีมเซลเลอร์ดีเวลลอปเมนต์ดูแลเทรนนิง ดึงแม่ค้าพ่อค้ารายใหญ่ๆ เข้ามาร่วมขาย นอกจากนี้ยังได้มียังมีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายตัวมากขึ้น หรือซื้อธุรกิจเข้ามาเสริม ซึ่งในระหว่างนี้ได้มีการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ อย่างเช่นการพูดคุยกับบริษัทขนส่งรายใหญ่ในการขนสินค้าที่มีขนาดใหญ่ เพราะเป้าหมายของเราไม่ได้เน้นการขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่เรามองเรื่องของการตกแต่งบ้านที่จะเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย

“ตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจในเมืองไทย อีเลฟเว่นสตรีทได้ลงทุนหลายล้านบาทและจะคงลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งออนไลน์มาร์เก็ตเพลสของเราในปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 8,000 ร้านค้า และมีสินค้าให้เลือกกว่า  3.5 ล้านชิ้น ซึ่งเราคิดว่าจะคืนทุนอีก 5 ปีข้างหน้า และต้องใช้เวลาในการพัฒนาส่วนอื่นๆ ของตลาดควบคู่กันไปด้วย เพราะการทำอีคอมเมิร์ซจะโตคนเดียวไม่ได้ ต้องไปเกี่ยวข้องกับการขนส่ง การชำระเงิน รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต้องโตด้วยกัน”