อาหารเสริมและความงาม

อาหารเสริมและความงาม โอกาสกำไรแบบงาม ๆ

อาหารเสริมและความงาม โอกาสกำไรแบบงาม ๆ

การต่อยอดของธุรกิจอาหารเสริม นอกจาก Product Line ต้องครบ การส่งต่อ Massage ของสินค้าตัวนั้นก็ต้องจบในเส้นทางตลอด The Customer Journey ของตัวมันเองเช่นกัน

เพราะถึงตรงนี้ เจ้าของกิจการที่ต้องการให้สินค้าความงามอยู่ในกระแสนาน ๆ ส่วนใหญ่จะใช้ดารารีวิว หรือบล็อกเกอร์ที่อาศัยโซเชียลมีเดีย แม้แต่สื่อนอกบ้าน Out of Home Media เป็นเครื่องมือในการบอกต่อ (Buzz)

เหตุผลหลักที่ยังทำให้ธุรกิจนี้เฟื่องฟูไปพร้อม ๆ กับอาชีพใหม่ของ Influencer Marketing คือ เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนั่นเอง

เมื่อมองถึง Landscape นี้ก็ต้องยอมรับว่า ยังเป็นธุรกิจกระแสหลักที่มีอัตราการเติบโตทุกปี ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรก็ตาม

ยิ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและความงามกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงวัยที่มีแนวโน้มมีจำนวนเพิ่มขึ้น และคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ

ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่า ธุรกิจอาหารเสริม-ความงาม หมายถึงโอกาสที่มียังอีกไกลและมีกำไรมหาศาล

ยุคนี้นอกจากจะเป็นยุคดิจิทัล 4.0 แล้ว ยังถือว่าเป็นยุคของการรักสุขภาพก็ว่าได้ ซึ่งจะเห็นได้จากคนรุ่นใหม่ใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมไปถึงการใช้บริการทางการแพทย์อันจะนำไปสู่การมีสุขภาพที่แข็งแรงและดูดีสวยงาม

แน่นอนว่า การที่คนหันมาสนใจสุขภาพและความงาม ย่อมส่งผลต่ออุตสาหกรรมความงามให้ขยายตัวมากขึ้น จากข้อมูลศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ธุรกิจเกี่ยวกับความงามยังเป็นหนึ่งในธุรกิจดาวรุ่งในปี 2561 และเป็นธุรกิจครองแชมป์ธุรกิจดาวรุ่งมาอย่างต่อเนื่องในรอบ 6-7 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมูลค่าของตลาดความงามในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 250,000 ล้านบาท

ส่วนกระแสรักสุขภาพและความงามยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์วิตามิน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ มีมูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

จากตัวเลขมูลค่าตลาดที่สูงมาก และยังเป็นเทรนด์ที่ยังเติบโตได้ดีในอนาคต จึงไม่น่าแปลกที่ธุรกิจความงามจะเป็นหนึ่งในธุรกิจยอดนิยม ที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกันอย่างคึกคักนับพันราย

แต่หากรวมผู้ประกอบการรายย่อย ๆ ที่ทำแบรนด์ขายเองผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย คงนับกันไม่ถ้วน

ทั้งนี้ ในกลุ่มตลาดสุขภาพและความงามนั้น ต้องยอมรับว่า กลุ่มธุรกิจอาหารเสริมเติบโตขึ้นอย่างมาก และเป็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมูลค่าตลาดในปี 2560 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท เป็นการเติบโตจากปีก่อนหน้านี้ถึง 11% จากตัวเลขมูลค่าตลาดรวมประมาณ 53,000 ล้านบาท (จากรายงานของยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล) โดยอาหารเสริมสุขภาพและยารักษาโรคยังครองสัดส่วนสูงสุด 78% ตามมาด้วย อาหารเสริมความงาม 21% และอาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย 1%

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจอาหารเสริมเติบโตต่อเนื่อง มาจากการใส่ใจดูแลสุขภาพของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาให้ความสำคัญในการดูแลเชิงป้องกันและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายมากขึ้น

นอกจากนี้ ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปตามการขยายตัวของสังคมเมืองที่ใช้ชีวิตที่เร่งรีบ เวลาในการทำอาหารทานเองน้อยลง ต้องสรรหาวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาทดแทนมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายยังคงได้รับสารอาหารให้ครบนั่นเอง

ในขณะเดียวกันพบว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคยังสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้สะดวกมากขึ้น จากหลากหลายช่องทาง อาทิ ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ตัวแทนขายตรง รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลให้ภาพรวมของตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การดำเนินนโยบาย Medical Hub ของภาครัฐ ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบริการสุขภาพของโลก ทั้งในด้านการบริการสุขภาพที่เป็นเลิศ และการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้รับมาตรฐานออกไปสู่ตลาดสากล ก็เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนที่สร้างโอกาสในการเติบโตให้แก่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ดังจะเห็นได้จาก ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ พ.ศ. 2559-2568 ที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นหนึ่งในสินค้าที่จะต้องผลักดันเพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมจะต้องพร้อมตอบโจทย์ตามความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ

และสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ตลาดอาหารเสริมกำลังเติบโตอย่างน่าจับตา มาจากการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2559 ที่ กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ ระบุว่า บริษัทฯ มียอดขาย 17,500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 30 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

และสิ่งที่น่าสนใจในยอดขายแอมเวย์ดังกล่าว คือเป็นยอดขายที่มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามถึง 80% ซึ่งเมื่อเจาะลึกแล้วพบว่า รายได้ที่เติบโตสูงมาจากกลุ่มสินค้าใหม่ที่แอมเวย์เปิดตัวช่วง 1-2 ปีก่อน ที่เรียกว่า กลุ่มบอดี้คีย์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเรือนร่างที่เติบโตขึ้นมา 30-40% การที่ตัวเลขดังกล่าวถือน่าสนใจ เพราะแอมเวย์ ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นหลักในตลาดอาหารเสริมในปัจจุบัน โดยมีแบรนด์นิวทริไลท์ เป็นสินค้าสำคัญ

เมื่อมองดูภาพรวมของปัจจัยบวก ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย การใส่ใจในสุขภาพและความงาม การสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปถึงการแข่งขันของผู้ประกอบการเอง ย่อมส่งผลให้ตลาดอาหารเสริมเติบโตและสร้างมูลค่าทางการตลาดได้อย่างน่าสนใจหลังจากนี้