สกสว.จัดประชุมวิชาการระดับบัณฑิตศึกษาก้าวทัน“เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก”ด้วยงานวิจัย

สกสว. เปิดเวทีนำเสนอผลงานนักวิจัยในการประชุมวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา สกสว. ประจำปี 2562 ก้าวทัน“เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก”ด้วยงานวิจัย หวังให้เกิดการต่อยอดงานที่สร้างผลกระทบ สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชุมชนและสังคม เพื่อให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรองรับสู่ศตวรรษที่ 21

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดการประชุมวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา สกสว. ประจำปี 2562 (TSRI Congress 2019) ภายใต้หัวข้อ ก้าวทัน “เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” ด้วยงานวิจัย (Disruptive Technology for World Society) ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์

 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนและเผยแพร่องค์ความรู้ของผู้รับทุน สกสว. ทำให้เกิดการสร้างและถ่ายทอดความรู้ในงานวิจัยเพื่อแก้ปัญหา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเกิดเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยระหว่างนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาและภาคอุตสาหกรรมทั้งระดับชาติและนานาชาติ โดยมี นายเจน นำชัยศิริ สมาชิกวุฒิสภา และประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะอดีตประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับทิศทางงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดและปาฐกถานำ

นายเจน นำชัยศิริ กล่าวว่า การขับเคลื่อนไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ระยะ 20 ปีนั้น จำเป็นต้องยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง โดยปัจจัยสำคัญหนึ่งที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ คือ การมีบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง มีความรู้ในสาขาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของโลกอย่างรวดเร็ว รองรับการก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เพื่อคิดค้นนวัตกรรมซึ่งเป็นฐานสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและแก้ไขปัญหาสำคัญทางสังคม โดย สกสว.มีบทบาทสำคัญในการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่ออนาคตให้กับประเทศ ด้วยการให้ทุนร่วมกับผู้ประกอบการหลากหลายรูปแบบแก่อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยและนักวิจัย สกสว.จึงมีบทบาทสำคัญที่จะส่งเสริมการสร้างงานวิจัยและผลิตบุคลากรวิจัยรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น

“การขับเคลื่อนประเทศไทยในช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบเรื่อง Disruptive Technology ค่อนข้างมาก ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ผลิตภาพ ซึ่ง 3 เรื่องนี้จะขับเคลื่อนไม่ได้ ถ้าไม่มีงานวิจัย สิ่งที่จำเป็นคือองค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ งานประชุมวิชาการนี้จึงสำคัญเพราะจะทำให้เกิดการต่อยอดแนวคิด ทำให้เกิดนักวิจัย และนวัตกรรมที่นำประเทศไทยไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างแท้จริง ซึ่ง สกสว.มีบทบาทสำคัญที่การส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยที่มีกระทบต่อสังคมไทยและสังคมโลก โดยพัฒนางานวิจัยให้ได้ประโยชน์ มีตัวชี้วัด ติดตามประเมินผล ต้องมีการแสดงผลและการเผยแพร่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผลของงานวิจัยแสดงศักยภาพและขับเคลื่อนประเทศไทยได้อย่างแท้จริง”

 

ขณะที่ รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล รองผู้อำนวยการ สกสว. ระบุว่าการประชุมวิชาการระดับบัณฑิตศึกษา สกสว. ครั้งนี้มีอาจารย์ นักศึกษา และนักวิจัยที่ได้รับทุน สกสว. ผู้บริหารและนักวิชาการจากภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปกว่า 1,000 คนร่วมงาน นับเป็นเวทีสำคัญที่จะประชาสัมพันธ์เผยแพร่งานวิจัยของนักศึกษาสู่สาธารณะ สกสว.โดยความร่วมมือของโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) โครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) และฝ่ายมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการทำวิจัยของนักวิจัยรุ่นใหม่ ที่จะเสริมมุมมองในการต่อยอดทำวิจัยที่สร้างผลกระทบต่อประเทศ สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สังคม ชุมชน และภาคเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อให้ก้าวทันบริบทของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

“ยุคแห่ง Disruptive Technology ที่ปรากฏการณ์ disruption อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ ความท้าทายใหม่สำหรับยุคนี้ คือ การสอดส่องมองหาโอกาสหรือความเป็นไปได้ที่จะเกิด disruption ในงานวิจัยต่าง ๆ หรือเทคโนโลยีและนวัตกรรมซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากงานวิจัย เพื่อที่จะได้มีการพัฒนาต่อยอดสู่การสร้างสรรค์เป็นผลลัพธ์ที่จะเปลี่ยนสังคมและเปลี่ยนโลกในอนาคต”

สำหรับการประชุมวิชาการครั้งนี้มีกำหนดการประชุม 2 วัน คือ วันที่ 8 สิงหาคม 2562 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน มีการบรรยายพิเศษจากผู้ทรงคุณวุฒิ และนิทรรศการผลงานวิจัยเด่นที่คัดเลือกมาจากนักศึกษาผู้ได้รับทุนจำนวน 23 ผลงาน อาทิ เตารีดไฟฟ้าอัจฉริยะ สูตรสำเร็จควบคุมโรคใบจุดในผักไฮโดรโปนิกส์ แอปพลิเคชั่นอาหารสำหรับผู้สูงอายุ อุปกรณ์ช่วยเดินสำหรับผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังที่เดินได้ เครื่องชาร์จพลังงานไร้สายสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ตัวดูดซับยาฆ่าแมลงในน้ำผลไม้ การผลิตเอทานอลจากน้ำคั้นลำต้นข้าวฟ่างหวาน เซนเซอร์ทางเคมีไฟฟ้าสำหรับตรวจวัดสารกำจัดศัตรูพืชในตัวอย่างผัก ระบบกั้นเนื้อเยื่อชนิดกึ่งแข็งสำหรับการคืนสภาพกระดูกฟัน การแสกนวัตถุ 3 มิติเพื่อการประเมินสภาพโครงสร้างโบราณสถานของไทย เป็นต้น รวมถึงผลงานวิจัยในรูปแบบของโปสเตอร์จำนวน 186 ผลงาน ส่วนวันที่ 9 สิงหาคม 2562 เป็นการนำเสนอผลงานแบบบรรยาย ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส