“ปาร์คพลัส” แตกหน่อต่อยอดจากปัญหาธุรกิจเดิมของครอบครัว

แม้หลายธุรกิจครอบครัวมีการเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแรง แต่มีจำนวนไม่น้อยที่คนรุ่นใหม่อาจจะไม่ต้องการเข้ามาสานต่อการขับเคลื่อนธุรกิจเดิม หนึ่งในนั้นคือ คุณอภิราม สีตกะลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปาร์คพลัส จำกัด ผู้ปลุกปั้นธุรกิจที่จอดรถอัจฉริยะ

โดยมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คนรุ่นใหม่ไม่ต้องการทำงานในธุรกิจครอบครัว จึงวางแผนแยกออกไปทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเริ่มแรกสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะช่วงนั้นเป็นยุคทองของธุรกิจ


“ถือเป็นโรคระบาดของรุ่นผม พวกเจนสองเจนสามมีปัญหาเดียวกัน เรียนจบมาไม่อยากทำงานกับที่บ้าน ตอนนั้นยุคปี 2010 เป็นยุคทองของอสังหาฯ ในกรุงเทพ อยากแยกออกมาทำธุรกิจของเรา แต่ตลาดเป็นโอเชียน เรด แข่งขันรุนแรง ทุกคนมีแบรนด์ มีแรงงาน มีที่ดิน ถ้าเรากระโดดเข้าไปทำโดยไม่มีอะไรแตกต่างเลยคงเสร็จแน่ เลยเริ่มมองหาลูกค้าเฉพาะกลุ่ม”


จากการทำวิจัยพบปัญหาว่าคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ สร้างที่จอดรถน้อยกว่าจำนวนยูนิต จึงเกิดแนวคิดสร้างโครงการมีที่จอดรถ 100% พอได้แปลนออกมากลายเป็นแท่งมีพื้นที่เกินครึ่งเป็นที่จอดรถ พื้นที่ต่อตารางวาก็แพงขายไม่ได้แน่ แต่ยังไม่อยากกลับไปทำธุรกิจที่บ้าน สุดท้ายนั่งมองมุมกลับแบบ Upside Down หันไปดูสิ่งที่มีอยู่ในบ้าน พบว่าเคยเจอปัญหานี้มาแล้วในธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ จึงได้ไอเดียคิดโจทย์ใหม่เอาเครื่องจอดรถมาใส่ในคอนโดมิเนียมซึ่งสามารถทำได้


อย่างไรก็ตาม ยังเกิดคำถามตามมาทั้งเรื่องที่ดิน เงินทุน ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ในที่สุดตัดสินใจว่าควรเอาแนวคิดนี้ไปขายในตลาดอสังหาฯ และปัจจุบันคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ใช้เครื่องจอดรถอัตโนมัติเกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งธุรกิจใหม่นี้เป็นการต่อยอดมาจากธุรกิจดีลเลอร์รถของครอบครัว และมีปัญหาเรื่องที่จอดไม่พอ จึงนำเทคโนโลยีเครื่องจอดรถมาแก้ปัญหา ตั้งเป็นแผนกเล็ก ๆ ในองค์กร แต่ไม่เคยขายให้กับธุรกิจอื่นนอกจากในวงการดีลเลอร์ด้วยกัน


“ตอนเริ่มต้นไปขายฝันเหมือนสตาร์ทอัพ ถูกปฏิเสธตั้งแต่ 5 นาทีแรกที่พรีเซนต์งาน แต่สุดท้ายเราเชื่อมั่นว่าจะเจอคนที่เข้าใจและมองถึงอนาคตเหมือนเรา จึงพยายามไปเรื่อย ๆ จนเจอกัน หลังจากนั้นก็พัฒนาแผนกเล็ก ๆ ในดีลเลอร์รถมาสู่ธุรกิจของเราในวันนี้ ผมฝากให้ทุกคนเป็นคนชอบหาเรื่อง คอยมองหาปัญหา เพราะผมได้ธุรกิจนี้จากการแก้ปัญหาในธุรกิจเดิมของครอบครัว”