ธุรกิจตื่นตัวใช้ไบโอพลาสติกมองหาสัญลักษณ์ไบโอแท้ พลิกวิกฤติขยะพลาสติกรับเทรนด์โลก

ภาพภูมิอากาศและโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อนทำให้ทั่วโลกต่างตื่นตัวในการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหากันมากขึ้น

และหนึ่งในเทรนด์ที่หลายประเทศกำลังเดินหน้า คือ การแบนพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง หรือ Single -used plastic ที่มีแนวโน้มการใช้สูงขึ้นต่อเนื่อง

 

และที่สำคัญได้สร้างปัญหาขยะในทะเลจำนวนมหาศาลทำลายระบบนิเวศที่ชัดเจนขึ้น โดยประเทศไทยก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกประกาศเลิกใช้หรือแบน Single -used plastic ทั้งประเทศในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่ประกาศเลิกใช้ใน 5 เมืองหลักใน ปี 2564 และจะบังคับใช้ทั่วประเทศในอีก 3 ปีข้างหน้า

 

สำหรับประเทศไทยนั้น ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาด Covid-19 การใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและซ้ำเติมระบบบริหารจัดการขยะที่เป็นปัญหาอยู่ปัจจุบันมากขึ้น

 

ขณะที่แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก 20 ปี (2561-2573) ของไทยกำหนดเป้าหมายระยะแรกปี 2562 ในการแบนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 3 ชนิด ได้แก่ 1. พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำ (Cap Seal) 2. ไมโครบีด (Microbead) หรือ เม็ดพลาสติก ที่อยู่ในเครื่องสำอางช่วยขัดหน้า 3. ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารอ็อกโซ่ (Oxo) คือพลาสติกที่ใส่สารให้แตกตัว

 

“ ปี 2565 ไทยจะต้องเลิกใช้หรือแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งเพิ่มอีก 4 ชนิด ประกอบด้วย 1. ถุงหูหิ้วขนาดหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน 2. หลอด 3.กล่องโฟมบรรจุอาหาร และ 4.แก้วพลาสติกแบบบาง เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกลง ซึ่งก็จะทำให้ไทยในปี 2565 มีการบังคับให้เลิกใช้พลาสติกเพิ่มเติมรวมเป็น 7 ชนิด ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์โลกที่ขณะนี้มีหลายประเทศทั่วโลกได้บังคับห้ามใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง

 

 

แม้ว่าช่วง Covid-19 จะแผ่วไปบ้างแต่ล่าสุดจีนก็ประกาศห้ามใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้งใน 5 เมืองใหญ่ในปีนี้” วิบูลย์ พึงประเสริฐ นายกสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (TBIA) กล่าวในเวทีเสวนา” เมื่อผู้ใช้และผู้ผลิตต้องจับมือกันเพื่อดูแลโลก” เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ซึ่งจัดโดย TBIA

นายวิบูลย์ กล่าวว่า การแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งถูกทดแทนการใช้โดยพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และทั่วโลกมีการใช้ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับไทยเพราะพลาสติกชีวภาพตอบโจทย์รักษ์โลกที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและไทยเองเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ที่มีกำลังผลิต 2-3 แสนตัน/ปี ส่วนไทยมีกำลังผลิต 1 แสนตัน/ปี และจะเพิ่มจากโรงงานเนเจอร์เวิร์ก อีกราว 7.5 หมื่นตัน/ปี มีโรงงานขึ้นรูปผลิตภัณฑ์หลายราย ซึ่งพร้อมผลิตเพื่อรองรับดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีศักยภาพ

แต่ยอมรับว่า การใช้อาจจะยังไม่แพร่หลายนักเนื่องจากราคาพลาสติกชีวภาพสูงกว่าราคาพลาสติกทั่วไปถึง 3-5 เท่า และเป็นไปได้ยากที่ราคาไบโอพลาสติกจะมีราคาที่ถูกหรือใกล้เคียงกับพลาสติกทั่วไป เพราะนั่นต้องให้ราคาน้ำมันดิบขึ้นไปสู่ระดับ 150-200 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ผลิตไบโอพลาสติก คือน้ำตาลและแป้ง มีต้นทุนสูงกว่าราคาน้ำมันมาก

“ขณะนี้พลาสติกชีวภาพของไทยโตเฉลี่ยปีละ 15% ส่วนอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่นโยบายรัฐ โดยเห็นว่าหากจะส่งเสริมการใช้พลาสติกชีวภาพเพิ่มขึ้นเพื่อให้แผนแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก 20 ปีบรรลุเป้าหมายจำเป็นต้อง สร้างแรงจูงใจการใช้ผ่านมาตรการทางภาษี” นายวิบูลย์ กล่าวแสดงความคิดเห็น

ด้านน.ส. วรินทร อยู่วิมลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ-อีโค จำกัด (Bio-Eco) ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวรจร ชี้ให้เห็นว่า มี 5 กลุ่มธุรกิจ ในประเทศ ที่หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติกมากขึ้น ทั้งในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ต่างใส่ใจและมีนโยบายในการนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ในธุรกิจ ซึ่งรวมถึงการใช้ช้อน ส้อม แก้วน้ำ กล่องกระดาษ หลอดที่ผลิตจากไบโอพลาสติก เพื่อทดแทนการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และยังขยายไปยังผู้ประกอบการรายเล็ก เช่น ร้านอาหาร และเครื่องดื่ม ร้านกาแฟ ที่ปัจจุบันเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่สนใจในเรื่องราวของการดูแลและตระหนักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ในสายตาของผู้บริโภคอีกด้วย

แต่ปัญหาการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกนั้น ผู้ใช้ต้องทำความรู้จัก ‘พลาสติกชีวภาพ’ กันก่อนว่าเป็น”ไบโอแท้” หรือ”ไบโอเทียม” โดยไบโอพลาสติกแท้ เป็นพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (compostable) ซึ่งใช้วัตถุดิบที่ผลิตจากพืชทางการเกษตร ทั้งอ้อย มันสำปะหลัง มาผลิตพลาสติก แทนการใช้ปิโตรเลียมที่เป็นทรัพยากรที่มีวันหมด

ส่วนไบโอเทียม พลาสติก คือ มีการเติมสารเติมแต่งจำพวกโลหะหนักลงไปในพลาสติกทั่วไป (PE, PP, PET, PVC) เพื่อให้พลาสติกแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้เร็วขึ้น ในสภาวะที่มีแสงแดด ความร้อน หรือความชื้น ซึ่งไม่มีการย่อยสลายทางธรรมชาติ เรียกว่า Oxo-degradable Plastic หรือระยะหลัง มักแฝงตัวโฆษณาว่า Biodegradable, Degradable โดยไม่มีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือรับรอง

ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ไบโอแท้ได้โดยการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น ได้ด้วยการ ดูสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายมาตรฐานการรับรอง ที่พิมพ์อยู่ ที่ตัวผลิตภัณฑ์ ดังนี้

1. GC Compostable

2. ASTM D6400

3. EN 13432

4. ISO 17088

5. มอก. 17088-2555